Home
|
ข่าว

กรมพัฒนาธุรกิจฯลุยเชียงรายเติมความรู้นำไม้ยืนต้นค้ำประกันขอสินเชื่อ

Featured Image
กรมพัฒนาธุรกิจฯ ลุยเชียงรายเติมความรู้หลักประกันทางธุรกิจให้เกษตรกร นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอสินเชื่อ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ส่งเสริมหลักประกัน สานฝันธุรกิจไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดพระธาตุจอมแว่ อ.พาน จ.เชียงราย ว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ผนึกกำลังกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจและโครงการธนาคารต้นไม้ลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อเสริมความรู้เรื่องกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้ง รายละเอียดการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกในพื้นที่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับ ธ.ก.ส.
โดยได้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการธนาคารต้นไม้ การขอสินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกัน คาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ และการให้ความรู้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใน การนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
การขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
โดยไม้ยืนต้นทุกประเภท ไม่ได้จำกัดเพียง 58 ประเภท สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อได้ตามข้อตกลงระหว่างผู้รับหลักประกัน (สถาบันการเงิน) กับ ผู้ให้หลักประกัน (เกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้น) ซึ่งไม้ยืนต้นที่ปลูกยังคงอยู่บนพื้นที่ของตนเอง เกษตรกรสามารถนำไม้ยืนต้นนั้นไปต่อยอดสร้างรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น เป็นแหล่งผลิตคาร์บอนเครดิตเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้ซื้อไปเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามกลไกของตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ และสอดรับกับกระแสการดำเนินธุรกิจของโลกอนาคต
ทั้งนี้ตั้งแต่ที่มีการออกกฎกระทรวงให้สามารถนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ในปี 2561 จนถึงในปัจจุบัน มีการจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจทั่วประเทศเพียง 22 จังหวัดและมีผู้นำไม้ยืนต้น มาจดทะเบียนสัญญาเป็นหลักประกันธุรกิจแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 67) 154,470 ต้น มูลค่ารวม 145 ล้านบาท โดยใน 22 จังหวัดมีจังหวัดภาคเหนือเพียง 4 จังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุทัยธานี ซึ่งยังขาดเชียงราย

และ ธ.ก.ส. จะร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปเห็นถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อน “โครงการชุมชนไม้มีค่า” ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนปลูกไม้มีค่าเพื่อการออม/อนุรักษ์/เพิ่มพื้นที่ป่า และเพิ่มแหล่งออกซิเจนให้กับประเทศ โดยทั้ง 2 หน่วยงานมั่นใจว่า โลกใบนี้จะสวยงามและน่าอยู่หากเราร่วมแรงร่วมใจรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่า สร้างความมั่นคงให้ลูกหลาน อนาคตได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567) มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 154,470 ต้น มูลค่ารวม กว่า 145 ล้านบาท

 

 

จังหวัดที่ผู้ประกอบธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนทั่วไป นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อมีจำนวนทั้งสิ้น 22 จังหวัด และพื้นที่ภาคเหนือ มีเพียง 4 จังหวัด ปนะกอบด้วย พิษณุโลก เพชรบูรณ์สุโขทัย อุทัยธานี โดยยังไม่มีจังหวัดเชียงราย ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่า กรมฯจึงต้องมีการเร่งส่งเสริม

 

 

ทั้งนี้ กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี เกษตรกร และประชาชน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้น สามารถนำทรัพย์สิน ที่มีมูลค่าที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้กับสถาบันการเงิน

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube