ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดกับโฉมหน้า “ครม.อิ๊งค์1” หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” ก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี “อดีตนายกฯทักษิณ” ผู้เป็นพ่อ คอยเคียงข้าง
ทั้งนี้ นอกจากรายชื่อ “ครม.อิ๊งค์1” ที่ถูกจับตาแล้ว ในส่วนของนโยบาย “ซอฟต์พาวเวอร์” หนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทยก็ถูกจับตาด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นเพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลภายใต้นำของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” ให้ความสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้นมา โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นั่งในตำแหน่งรองประธานกรรมการชุดดังกล่าว
ซึ่งโรดแมปของรัฐบาลในครั้งนั้น ได้ตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ทั้ง 11 สาขา ให้ “เด่น” และ “ดัง” โดย “มวยไทย” ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลพุ่งเป้าผลักดันให้ดังกระหึ่ม
ล่าสุด สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับ ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย “ดร.ก้องศักด ยอดมณี” ถึงแผนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬาไทยหลังเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โดย “ผู้ว่า ก้องศักด” กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย จะสานต่อแผนงานซอฟต์พาวเวอร์ต่อไป เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญ ซึ่งตอนนี้ก็เดินหน้าในหลายๆ เรื่องแล้ว
“ก็คงจะสานต่อเช่นเดิม ท่านนายกอุ๋งอิ๋งท่านก็ดูซอฟพาวเวอร์อยู่แล้วซึ่งก็มีโครงการในเรื่องของการส่งเสริมมวยไทยซอฟพาวเวอร์ ซึ่งก็เข้าใจว่าโครงการต่างๆก็เป็นโครงการจากรัฐบาลชุดเดิมอยู่แล้ว ก็อยากที่จะให้สานต่อ เพราะว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญแล้วก็ตอนนี้เริ่มเดินหน้าในหลายๆ เรื่องแล้ว ก็คงจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นเดิม ส่วนเรื่องของการที่จะให้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากกิจกรรมกีฬาต่างๆ ก็คิดว่าน่าจะสอดคล้องเป็นไปตามนโยบายเช่นเดิม”
นอกจากนี้ “ผู้ว่า ก้องศักด” กล่าวอีกว่า ได้เตรียมที่จะรายงานความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปีหน้า 2568 ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และยืนยันว่า กกท.พร้อมชี้แจงนายกรัฐมนตรีหากถูกสอบถามกรณีที่ประเทศไทยถูกยกเลิกการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 อีกด้วย
“เตรียมแล้วก็ต้องเร่งแล้วเพราะว่าเราเหลือเวลาประมาณปีเศษๆ ก็อยากที่จะให้ทุกอย่างได้เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะให้มีการอนุมัติแผนงานมีการตั้งคณะกรรมการจัดงานให้เร็วที่สุดแล้วก็ประชุมให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะอนุมัติแผนงานงบประมาณตั้งแต่นั้นเนินๆ ก็จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้วย จากการที่เราถูกยกเลิกเอเชี่ยนอินดอร์มัดอาร์ต เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการจัดมหกรรมกีฬาที่เราเสนอตัวไป”
“ผู้ว่า ก้องศักด” กล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยถูกยกเลิกการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ไปนั้น ก็เห็นใจและเสียดายแทนนักกีฬาทุกคน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางกกท. ได้มีการประชุมกับ 38 สมาคม เพื่อหาทางชดเชยให้กับนักกีฬาไทย และยอมรับการถูกกยกเลิกการจัดการแข่งขันดังกล่าว ก็ทำให้เราเสียโอกาส
“ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนากีฬาทำให้เสียโอกาสในการที่จะแสดงศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติ เรื่องของการที่จะกอบกู้หรือจะทำยังไงที่จะให้ภาพลักษณ์หรือสร้างความมั่นใจให้กับนานาชาติก็คือการเร่งเตรียมการ
รายการที่เราจะเป็นเจ้าภาพในอนาคตเช่น ซีเกมส์ที่จะมีขึ้นปลายปีหน้า เดือนธันวาคมปีหน้า เราก็มีการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันให้เร็ว ก็มีการอนุมัติแผนงานแล้วก็งบประมาณให้เร็ว เพื่อให้แสดงให้ทุกชาติรวมถึงนักกีฬาเราได้มั่นใจว่าประเทศไทยเดินหน้าจัดการแข่งขันแน่ อันนี้ก็จะทำให้สร้างความมั่นใจได้”
ทั้งนี้ “ผู้ว่า กกท.” ยังได้กล่าวแสดงความมั่นใจในการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการใหญ่ รวมถึงงบประมาณในการดูแลนักกีฬา ยืนยันมีความโปร่งใสในทุกรายละเอียด
“ก็ให้มั่นใจนะครับว่าจริงๆทิศทางการพัฒนากีฬาของประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดี ผลงานนักกีฬาของเราก็ทำได้ดีขึ้น การกีฬาก็ลงทุนในการทำงานแล้วก็ทุ่มเทเรื่องของการเตรียมนักกีฬาให้เต็มที่ จะเห็นได้ว่ามีการเก็บตัวเป็นปีๆ ก็เป็นเงินภาษีของประชาชน ซึ่งก็ใช้ทุกบาททุกสตางค์อย่างโปร่งใส ให้ได้มั่นใจว่ามันไม่มีการรั่วไหล
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีก็ให้มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเรื่องของการใช้งบประมาณในการเก็บตัวฝึกซ้อมต่างๆซึ่งเราก็มีการกระบวนการในการตรวจสอบให้สบายใจได้ว่าไม่ได้มีการรั่วไหลไม่ได้มีการใช้เงินต่างๆ ผิดวัตถุประสงค์แต่เงินส่วนใหญ่ที่จ่ายก็คือไปลงกับนักกีฬา”
และทั้งหมดนี้ก็คือความคืบหน้าของนโยบาย “ซอฟต์พาวเวอร์” และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปีหน้า 2568 ของประเทศไทย ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องจับตาประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งหมดนี้ย่อมเชื่อมโยงต่อความเชื่อมั่นในสายตาของคนทั้งโลก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews