เวลาไม่คอยท่ากับ “โผครม.อิ๊งค์1” ที่ “นายกฯอิ๊งค์” บอกว่านิ่ง แล้วจะเซ็นต์ วันนี้เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าในวีคนี้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการโปรดเกล้า ถวายสัตย์ และ แถลงนโยบายต่อสภา เพื่อ “เดินหน้า” การบริหารประเทศราวกลางเดือน ก.ย.
โดย เจ้าตัวยอมรับ “ไม่มีเวลาฮันนีมูน” แบบสมัย “รัฐบาลอาปู-ยิ่งลักษณ์” ที่มีเวลา 1 ปี ก่อนที่จะเจอถูกปลุกกระแส “ทักษิณ” นิรโทษกรรมสุดซอยไล่และโดน “ลุงตู่” ยึดอำนาจในปี 2554 ส่วน “รัฐบาลอิ๊งค์” เพราะ “แตะมือ” ต่อจาก “เศรษฐา” ที่โดน “อุบัติเหตุการเมือง” ถูก “อดีต40สว.” ชงเรื่อง “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” เหตุไปตั้ง “ทนายถุงขนม” เป็น “รัฐมนตรี” ให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” สอย (14ส.ค.) “หมดอายุ” ไปยังไม่ทันเป็นนายกฯครบปี
จากวันที่ “รัฐสภา” ที่ก็มี “40สว.” ร่วมโหวตให้ อันเป็นวันเดียวกับที่ “ทักษิณ” กลับมารับโทษประเทศไทยโดยไม่ต้องเข้าไปในเรือนจำแต่ไปอยู่ที่ “ชั้น14” รพ.ตำรวจ กระทั่งได้รับการพักโทษกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า และได้รับพระราชทานอภัยโทษก่อนวันที่ 22 ส.ค. 67 อันเป็นวันที่ “ทักษิณ” ไปโชว์วิชชั่นเป็น “พิมพ์เขียว” นโยบายรัฐบาล 14 ข้อ
เป็น “ทักษิณ-คนชั้น14” ที่ถูกจับตาว่าเป็นทั้ง “จุดแข็งและจุดอ่อน” และอาจจะเป็น “จุดตาย” ของรัฐบาลอีกปมไม่นับรวมการร่วมเป็น “ตำบลกระสุนตก” กับ “ลูกสาว” ที่ “กลุ่มศัตรูทั่วทิศ” พุ่งเป้าไปที่ “นายกฯ2พ่อลูก” “ทักษิณ-แพทองธาร” โดยตรงมีเรื่องร้องรวมราวๆ10เรื่อง ผ่าน “นักร้องนิรนาม” และ “นักร้องสายบ้านป่า” โดยเฉพาะปม “มาตรฐานความยุติธรรม” ที่เริ่มมีหลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว
แม้กระทั่ง “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.)ของ “ลุงป้อม” ที่ถูกเตะออกจากการร่วมรัฐบาล “อิ๊งค์” ที่ดึง “พรรคประชาธิปัตย์” เข้ามาแทน หลังจากที่เริ่มแรก มีเพียง “กลุ่มคปท.” ที่ออกมาเรียกร้องในช่วง “รัฐบาลเศรษฐา” โดยประเด็น “คนชั้น14” กลับมาอีกหลัง “ตู่ใหญ่-เสรีพิศุทธ์” ออกมา “เปิดลับ” การพบ “ทักษิณ” ที่ “ชั้น14” ถึง 2 ครั้ง
ที่น่าสนใจในจังหวะที่นอกจาก “ครม.อิ๊งค์1” ที่บอกว่านิ่งแล้วกับการขยับสับเปลี่ยน รมต.ทั้งในเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล จะถูกคาดหวังการกลับมา“แก้มือ” ของ “ทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณอีกรอบ
จากที่พลาดต้อง “ผิดจังหวะ” เสีย “เศรษฐา” ไป ผ่าน “หน้าตา ครม.อิ๊งค์1” ที่ทั้งภาคเอกชน และหลายฝ่ายจับตา “หน้าตา” รมต.คนดีที่ “ไม่ยี้” กับการอุตสาห์ลงทุนโดนมวลชนแดงโกรธอีกทีที่ไป “รีมิค” กับ “พรรคปชป.” เพื่อดีด “ลุงป้อม” ออกจนโดน “นิติสงคราม”
ที่แม้จะมี “มาตรฐานจริยธรรม” จาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” มาให้ เกร็งในการ “คัดรมต.” ยังไงไม่ให้ “นายกฯ” โดนหางเลข แต่โผที่ออกมาแบบที่ “ชาดา” แห่ง ภูมิใจไทย และ “ผู้กองนัส” ยอมบายถอนตัว ที่คนหนึ่งให้ “ลูกสาว” เข้ามาเป็นรมต.แทน อีกคนหนึ่งให้ “น้องชาย” เข้ามาแทนแต่ก็ยังอุตสาห์มี “ติ่งอารมณ์” คล้ายตอน “พิชิต” ผ่านโผ รมต.จาก “ปชป.” ออกมาให้ “นายกฯอิ๊งค์” ต้อง “หนักใจ”
น่าสนใจอีกประการกับ “หน้าตา ครม.” ตามโผล่าสุด ที่แม้จะมี “ข้อจำกัด” “มาตรฐานจริยธรรม” ของ “รัฐมนตรี” นอกจาก คุณสมบัติไม่ขัดกฎหมาย และ “ความรู้ความสามารถ” แต่ก็ยังปรากฏร่องรอย “การก้าวไม่ข้าม” ภาพ “รัฐมนตรีมรดก” ที่ส่งต่อกันใน “ครอบครัว” ของ “นักการเมือง” เช่น พ่อ ลูก พี่น้อง และ เครือญาติ ไม่แต่กรณี “ชาดา” หรือ “ผู้กองนัส” ที่ให้ “ลูกสาว” และ “น้องชาย” มาแทน ยังมี “อรรถกร” ที่ “ให้พ่อ” “นายอิทธิ” มาเป็นรมต.แทน
ไม่นับรวม “ศูนย์อำนาจ” แบบ “พ่อคิด-ลูกทำ” อันเป็นโมเดลต่อมาจาก “พี่คิดน้องทำ” สมัย “นายกฯปู” อย่างที่ “หมอวรงค์” โพสFB ว่าวันนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาพ “หนีเสือปะจระเข้” ไม่เอาระบอบล้มล้างการปกครอง ก็ต้องมาเจอกับ “ระบอบพ่อลูก” ทำตัวเหนือกฏหมายจนสับสนกันว่า จะต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เอาฝ่ายไหนดี
เมื่อถึงจุดต้องเลือกฝ่าย “ระบอบพ่อลูก” ก็พยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่า ระบอบล้มล้างฯ อันตรายกว่ามาก จำเป็นต้องเลือกระบอบพ่อลูกและอ้างเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ความปรองดอง ฟังดูก็พอมีเหตุผล แต่อย่าลืมว่ายังไม่มีการสำนึกมีการทำตัวเหนือกฏหมาย การสมยอมกับระบบพ่อลูก จึงไม่เป็นผลดีต่อประเทศในระยะยาว เพราะระบบพ่อลูก จะยิ่งนำมาซึ่งความเสื่อมในทางตรงกันข้าม อาจทำให้ระบบล้มล้างฯ แข็งแกร่งขึ้นและเป็นที่พึ่งมากกว่าเพราะประชาชนไม่รู้จะพึ่งใคร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
