เวทีราชดำเนินเดินหน้าสุดตัวผลักดันระบบนิเวศมวยไทย สร้างงานสร้างรายได้ให้กับนักมวยไทยและบุคลากรวงการมวยนับหมื่นอาชีพต่อปี เพื่อเป้าหมายให้มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ “เวิลด์คลาส” อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“แบงค์” เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานรายการ RWS – Rajadamnern World Series และ กรรมการบริหารเวทีราชดำเนิน กล่าวว่า มวยไทยถือว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power สำคัญของประเทศไทย เพราะถือว่าเป็นกีฬาศิลปะป้องกันตัวที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้ชาวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยจะต้องเข้าไปสัมผัส “มวยไทย” ถึงขอบสนาม
ในส่วนของเวทีราชดำเนิน นอกจากรายการ “RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์” ซึ่งเป็นรายการเรือธงของเวทีราชดำเนินซึ่งจัดแข่งเป็นปีที่ 3 แล้ว เวทีราชดำเนินยังยกระดับเพิ่มคุณค่าให้กับการชิงเข็มขัดแชมป์ของเวทีราชดำเนิน ด้วยการจัด RAJADAMNERN STADIUM CHAMPIONSHIP SUPERFIGHT ซึ่งกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แทบทุกไฟต์ และนักมวยที่ร่วมรายการสามารถสร้างรายได้ก้อนโต สามารถใช้มวยไทยเปลี่ยนชีวิตได้
“ขุนศึกเล็กชกซูเปอร์ไฟต์หนแรกชนะคะแนนกุมารดอยเมื่อ 6 เม.ย.ได้รางวัลพิเศษ 7.5 แสนบาท ไม่รวมค่าตัว พร้อมคว้าเข็มขัดแชมป์รุ่นแบนตัมเวตของเวทีราชดำเนินมาครอง ไฟต์ต่อมาเมื่อ 11 พ.ค. ป้องกันแชมป์ด้วยการน็อก “เพชรสยาม” ในยกที่ 3 รับเงินรางวัลพิเศษไปอีก 1 ล้านบาท รวมสองไฟต์สามารถสร้างรายได้ไปกว่า 2 ล้านบาทภายในเวลาสองเดือน ถือเป็นรายได้ที่มากที่สุดในชีวิตของนักชกวัย 19 ปี และเป็นสองไฟต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับขุนศึกเล็กในวงการมวยไทยทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก”
“ขุนศึกเล็กมีคิวจะขึ้นชกเพื่อทวงเข็มขัดแชมป์รุ่นแบนตัมเวทของเวทีราชดำเนินกับ ริวกิ มาซึดะ ใน RAJADAMNERN STADIUM CHAMPIONSHIP SUPERFIGHT ที่เวทีราชดำเนิน ในวันที่ 21 ก.ย. นี้ และหากเอาชนะได้นอกจากได้แชมป์กลับคืนมาก็จะมีโอกาสได้เงินล้านอีก เท่ากับว่าอาจสามารถทำเงินได้ถึง 3 ล้านบาทในการต่อยสามไฟต์ในปีนี้ที่เวทีราชดำเนินของขุนศึกเล็ก ก่อนหน้านั้นก็มี ฉลาม พรัญชัย และ โยธิน เอฟ.เอ.กรุ๊ป ชกไฟต์เดียวในซูเปอร์ไฟต์ได้เงินเกือบล้านเช่นกัน ส่วนในศึก RWS ในซีซั่นที่ผ่านๆมา คนเป็นแชมป์ก็สามารถทำเงินรางวัลรวมค่าตัวได้ในระดับสามล้านไปถึงห้าล้านบาทสามารถเปลี่ยนชีวิตให้กับนักมวยไทยชั้นนำหลายๆคนเลยทีเดียว”
“คุณแบงค์” กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันเวทีราชดำเนินมีการจัดชกมวยถึงปีละกว่า 360 รายการ ทั้งที่เวทีราชดำเนินเอง รวมไปถึงการจัดรายการมวยไทยที่ต่างประเทศ สร้างโอกาสให้นักมวยจำนวนกว่า 5,000 คนได้โอกาสขึ้นชก ทางเวทีต้องการสนับสนุนตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปถึงระดับซูเปอร์สตาร์ หัวใจสำคัญคือการสร้างระบบ สร้างพื้นที่ และสร้างโอกาสให้นักมวยหลายพันคนต่อปี มีโอกาสได้ไต่เต้าไปเป็นนักชกระดับแถวหน้า รับรายได้ไฟต์ละเป็นล้านหากมีฝีมือและผลงานที่ดีต่อเนื่อง และผลักดันให้เพดานรายได้ของนักมวยเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต เวทีราชดำเนินมีแผนงานที่จะพาสนามมวยที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในโลกแห่งนี้ให้เป็น “‘World Class Destination’ มายาวนานกว่าสองปีแล้ว ไม่ได้มีเพียงเป้าหมายที่จะดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลกให้เดินทางมาชมมวยไทยที่เวทีราชดำเนินเท่านั้น แต่มองไปถึงการสร้างระบบนิเวศของมวยไทยขึ้นมา สร้างงานสร้างอาชีพให้กับทั้งระบบ ยกระดับมวยไทยสู่ศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ต้องการสร้างความมั่นคง ความยั่งยืนให้นักมวยไทย ครูมวยไทย เทรนเนอร์มวยไทย รวมถึงบุคคลากรวงการมวยไทยได้อย่างรอบด้านที่มีจำนวนรวมกันนับเป็นเรือนหมื่น ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมมวยไทยในประเทศ รวมถึงสร้างการรับรู้กิจกรรมมวยไทยไปทั่วโลก
โดยภายในช่วงสองสามปีนี้ เวทีราชดำเนิน และ RWS มีการจัดรายการมวยไทยใน 10 เมืองทั่วโลกทั้งใน เอเชีย ออสเตรเลีย และ หลายประเทศในยุโรป และรายการ RWS ราชดําเนิน เวิลด์ ซีรีส์ ในปีนี้ก็มีนักมวยไทยชั้นนำจากกว่า 20 ประเทศเข้าแข่งขัน และมีการถ่ายทอดไป 200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก เป็นการสร้างระบบนิเวศของกีฬามวยไทยและสร้างโอกาสให้กับนักมวยไทย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงเผยแพร่กีฬาและศิลปะมวยไทยไปทั่วโลก
หัวใจสำคัญของเวทีราชดำเนินที่อยากจะสื่อสารก็คือ เราต้องการพามวยไทยเข้าสู่ยุคใหม่ให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทั่วโลก และใช้แนวทางการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือเราจะไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ให้เวทีราชดำเนินเป็นองค์กรร้อยปีที่อยู่คู่กับวงการมวยไทย สร้างงานสร้างอาชีพให้กับนักมวยไทยและบุคลากรวงการมวยไทยไปตลอดครับ”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews