ไฟพะเนียงแตกกรณี “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ที่ออกโหนกระแส แล้วได้แสงจริงๆ แต่เป็นแสงสุดท้าย ถูกขุดคุ้ยขยี้ฟอกทุกซอกมุม ขณะที่ลูกค้าบางส่วนที่เห็นข่าวก็แห่นำทองคำมาขายคืนให้กับทางร้านต่อเนื่อง ท่ามกลางดราม่าที่ให้เซ็นชื่อเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีกับทางร้านทอง แต่ผู้เสียหายจำนวนมากไม่ยอม จนเป็นคดีความ เข้าแจ้งความที่กองปราบ เอาผิด2ผัวเมียอินฟูลชื่อดัง ฐานฉ้อโกงประชาชน ไลฟ์สดขายทองคำไม่ได้มาตรฐาน จากนั้นบานปลายถูกหลายหน่วนงานเข้าตรวจสอบ
ต่อมาตัวจี๊ด อัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องให้สรรพากรตรวจสอบ เรื่องการเสียภาษีว่ามีการยื่นสำแดงภาษีอันเป็นเท็จหรือไม่ อย่างไร ขณะที่ สคบ. ส่งหนังสือเรียกให้ ‘แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์’ ไปชี้แจงข้อมูล ส่วน ปปง.รับลูกเตรียมตรวจสอบทรัพย์สิน ว่า ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยกรณีนี้มีหลายข้อกฎหมายที่ต้องต่อสู้ ทั้งความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค ฉ้อโกงประชาชน และยังมีเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ
งานนี้ถึงแม้ว่าขณะนี้ 2ผัวเมียอินฟูลชื่อดัง ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็อ่วมอรทัย ฐานเสียงภาพลักษณ์นักบุญที่สะสมมานานเริ่มสั่นคลอน ถูกโลกออนไลน์ขึงพืดรุมสับ พร้อมถูกบีบให้พิสูจน์ตนเองผ่านกระบวนการยุติธรรม และถ้าในปี 2567 มี แม่ตั๊ก โดนกระแสดราม่าปมทองแท้ ย้อนกลับไปปี 2562 มีตัวแม่ ที่ดังสุดขีดในปีนั้น คือแม่มณี นางวันทนีย์ หรือ “เดียร์ แม่มณี” เจ้าของ “ฝากเงิน ออมเงิน by บัญชีแม่มณี” เจ้าแม่แชร์พันล้านลวงโลก มีผู้เสียหายจำนวนมากทั่วประเทศ
แม่มณีหลอกผู้เสียหายให้ลงทุนเล่นแชร์และออมทองห้างทองแม่มณี โดยจะให้เงินปันผลสูงถึง 93% ตำรวจบุกจับคาห้องพักใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สิ้นสภาพไฮโซสาว สุดยอดนักธุรกิจดีเด่น ตอนนั้นแม้เจ้าตัวจะยังปฏิเสธลั่นว่าไม่ได้โกง แค่ยังไม่ได้จ่ายดอกเท่านั้นก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้สืบเสาะยึดอายัดทรัพย์สินและหาตัวผู้ร่วมขบวนการ ก่อนสรุปสำนวนส่งดีเอสไอที่รับเป็นคดีพิเศษต่อมาศาลอาญา พิพากษาจำคุก แม่มณี พร้อมแฟนหนุ่ม 12,000 ปี
ด้วย เหตุหลอกลวงประชาชนลงทุนออมเงิน อวดอ้างให้ผลตอบแทนสูงแต่กลับไม่มีการให้ผลตอบแทนตามอ้าง รวมมูลค่าความเสียหายในคดี มากกว่า 1,300 ล้านบาท สำหรับประวัติ “แม่มณี”เป็นชาวจ.อุดรธานี เดิมเป็นเน็ตไอดอลขายตุ๊กตาออนไลน์ ก่อนสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ พร้อมเปิดตัวแบรนด์สินค้าเครื่องสำอาง สถานบันเทิง กิจการห้างทองแม่มณี 2019 เคยได้รางวัล รางวัล ASEAN ENTERPRISE AWARDS 2019 สาขานักธุรกิจดีเด่นอีกด้วย
ส่วนตัวแม่ อีกรายที่เคยเป็นดาวดัง ต้นแบบของแชร์ลวงโลกในยุคต่อๆมา นั้นคือ”แม่ชม้อย” ระหว่างปี พ.ศ. 2520-2528 นางชม้อย ทิพย์โส จัดระดมเงินอ้างว่าไปลงทุนในธุรกิจน้ำมัน ในการซื้อรถขนน้ำมัน โดยจะได้รับผลตอบแทนทันทีใน 15 วัน ในอัตราเดือนละ 6.5 % หรือปีละ 78 % จึงมีคนสนใจนับหมื่น แค่สุดท้ายโดยจับกุมข้อหาฉ้อโกงประชาชน มีผู้เสียหายกว่า 16,000 ราย รวมมูลค่าเสียหายกว่า 4.5 พันล้านบาท ขณะที่นางชม้อยกับพวกถูกตัดสินจำคุก 154,005 ปี
แต่ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ลงโทษรวมกันทุกกระทงแล้วไม่เกิน 20 ปี ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกชม้อยและพวกเป็นเวลา 20 ปี และให้คืนเงินที่ฉ้อโกงประชาชนไปรวม 510ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีอย่างไรก็ตาม ชม้อยชดใช้กรรมอยู่ในทัณฑสถานหญิงเรือนจำลาดยาวเพียง 7 ปีกว่าเท่านั้น เพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในฐานะนักโทษชั้นดี และพ้นโทษไปเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2536 ถือเป็นการพักโทษก่อนกำหนดนานถึง 13 ปี
อย่างไรก็ตามผู้เสียหายจากทั้ง 3 ตัวแม่นั้น แม้สตอรี่ไม่ได้เหมือนกันหมด แต่เหยื่อ ต่างต้องพบกับคำลวง ทั้งในตัวสินค้า และผลตอบแทนที่ได้ ฉะนั้นแล้วก่อนนำเงินไปซื้ออะไร หรือลงทุนอะไร ให้ตั้งสติทุกครั้งเมื่อเห็นโพสต์โฆษณาที่ให้กำไรเกินจริง สิ่งเหล่านี้มักเป็นกลลวง เพื่อดึงดูดให้เหยื่ออยากลงทุน นั้นเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
