จังหวะ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” มี “โพลนิด้า” ช่วงวันหยุดมาช่วยให้คะแนนนิยมทางการเมืองของ “นายกอิ๊งค์” ที่กำลังลงพื้นดูน้ำท่วมที่เชียงรายเชียงใหม่ พุ่งนำโด่งทุกนักการเมืองรวมถึง “พิธา”
แม้ในทางปฏิบัติจะยังถูกวิจารณ์ความไม่พร้อม ในการมารับ “มรดกอำนาจ” การเมืองจากพ่อ “ทักษิณ” ที่หะแรกปูทางให้เป็น “นายกฯลูกฝึกงาน” ไปก่อน พร้อมศึกษาต่อคอนเนคชั่นหลักสูตรวปอ. ไปจนกว่า “รัฐบาลเศรษฐา” โดยพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศไม่ยุ่งการเมืองทุ้งเศรษฐกิจ จะนำพาประเทศไทยผงกหัวจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ “เศรษฐา” กลับต้องมีอันเป็นไปทางการเมืองปมจริยธรรม ถูกศาลรัฐธรรมนูญสอยไปยังไม่ทันอายุครบปีขาดเพียงไม่กี่วัน @ทำให้การเข้ามาของ “รัฐบาลอิ๊งค์” แม้นายกจะ “มือใหม่หัดขับ”
แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสให้ ฮันนีมูน เพราะเป็นการรับไม้ต่อ แถมยังถูกจับผิด “ความไม่พร้อม” ในหลายหน้างานกับปัญหาวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติสถานการณ์อุทกภัย วิกฤติเศรษฐกิจหรือภาวะผู้นำ ความรู้ความเข้าใจในแต่ละสถานการณ์ในทุกโหมดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐฏิจ-การเมือง-สังคม ที่ผู้คนในสังคมสื่อนักวิชาการ หรือ อดีตสว.250 เริ่มออกมาตั้งคำถามและตรวจสอบ แม้ในแวดวงการเมือง-เศรษฐกิจ จะทราบดีว่าเบื้องหลัง “นายกฯอิ๊งค์” มี “แบ็คอัพ” ที่แข็งปึ้ก ทั้ง “พ่อทักษิณ” เป็น “กุนซือ24ชม.” มี “รองนายกฯพี่อ้วน” คอยเป็น “พี่เลี้ยง” ตามประกบ
รวมถึงมีทีม “กุนซือบ้านพิษณุโลก” ที่ยกมาทั้งคณะ กุนซือสมัย “รัฐบาลไทยรักไทย” นำโดย “พันศักดิ์” คอยช่วยเรื่องการวาง “นโยบาย” อย่างที่เกิดภาพการเคลียร์หน้าเคลียร์หลังหลายปมที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกรณีแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต ที่เปลี่ยนมาเป็นแจกเงินสดและดำเนินการแจกกลุ่มแรกไปแล้ววีคที่ผ่านมา หรือปมแก้รัฐธรรมนูญปมจริยธรรมสุดซอย ที่เพื่อไทยต้องถอยไปตั้งหลักเพราะถูกกระแสสังคมต้าน จนพรรคร่วมรัฐบาลนำโดย “ภูมิใจไทย” โดย “เสี่ยหนู” หักกลางอากาศไม่เอาด้วย ที่ส่งผลต่อมาถึงการพิจารณา “ร่างพรบ.ประชามติ” ของสว.วันนี้
ที่ทุกฝ่ายจับตาการพลิกกลับมาดันวิธีการ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” หรือ DOUBLE MAJORITY ของสว.จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญยืดเยื้อออกไปอีก และมีการออกมาวิจารณ์ สว.สีน้ำเงิน ว่ามี “ใบสั่งการเมือง” จนเพื่อไทยต้องออกมาจี้ให้เห็นแก่ประชาชน อย่างที่ “ภูมิธรรม” ออกมาวิงวอน สว.ให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาให้ดีว่า เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการผลักดัน เพื่ออำนวยประโยชน์ให้นักการเมืองทุกคน แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาล อยากให้เกิดการประชามติที่มีโอกาสที่จะมาร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสามารถพิจารณาแก้ไขเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศได้มากขึ้น ส่วนการให้กลับมาใช้มติเสียงข้างมากสองชั้น เป็นการยืดเยื้อใช้รัฐธรรมนูญ 60
ซึ่งเป็น “มรดก คสช.” หรือไม่ว่า ไม่สามารถสรุปได้เช่นนั้น คนที่มองเรื่องนี้สามารถรู้สึกได้หลาย ๆ แบบ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือบุคคลที่กลับมติ เป็นคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในกรรมาธิการไม่กี่คน จึงขอฝากไปยัง สว.ทุกคนว่าเรื่องนี้รัฐบาลมีเจตนาที่พยายาม ทำให้ปัญหาที่กำลังเกิดอยู่ได้หลุดพ้นจากกรอบ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของสว. ไม่จำเป็นต้องคุยกับแกนนำพรรคร่วม ซึ่งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่เสมออยู่แล้ว เรียกว่าปม “ร่างพรบ.ประชามติ” ที่กลับมาพลิกอีกตลบ โดย “สว.สีน้ำเงิน” อดไม่ได้ที่จะถูกเพื่อไทยมองเป็นปมการเมืองเชื่อมโยงพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” ในจังหวะที่รัฐบาลก็มีโจทย์รอบทิศผ่านภาพ “นักร้อง” หลายสำนักที่ร้องเรียน
ทั้ง “นายกอิ๊งค” และบรรดารัฐมนตรี อันเป็นช็อตต่อจากภาพการพลิกไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรธน.ปมจริยธรรม ที่นักการเมืองถูกมองทำเพื่อตัวเอง และไล่ให้ “รัฐบาล” สร้างความชอบธรรม มี “ผลงาน” แก้วิกฤติปัญหาประเทศให้เป็นที่ประจักษ์ก่อน ก่อนจะมีภาพการแจกเงินหมื่น และการลงพื้นที่น้ำท่วมของ “นายกฯอิ๊งค์” รวมถึงการออกมาของ “สรวงศ์” ที่ว่าจะกลับไปใช้ “มรดกนโยบาย” ของ “รัฐบาลคสช.” สมัย “นายกฯลุงตู่” ว่าด้วย แอฟ “คนละครึ่ง” และ “เที่ยวด้วยกัน” กระทั่งนำมาสู่ภาพบรรดาโพลชื่อดัง อย่างนิด้าโพล หรือ ไลน์ทูเดย์ ที่ ออกมาสำรวจพบว่าคะแนนความนิยม “นายกอิ๊งค์” แซงทิ้ง “พิธา” ขึ้นมาเป็นอันดับ1.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews