นายกฯ โชว์ฝีมือระดับอินเตอร์ ผลลัพธ์เพียบ สมาชิกกว่า 5 ประเทศเห็นตรงกันหลายประเด็นทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม-การท่องเที่ยวร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 โดยแบ่งออกเป็นการประชุมแบบเต็มคณะในช่วงเช้า และทวิภาคี ในช่วงบ่ายประเทศไทยชู 3 ประเด็น สำคัญ เน้นความยั่งยืนของสมาชิก-ความมั่นคงของมนุษย์-และการบูรณาการร่วมกันระดับภูมิภาค เพื่อเชื่อมโยงประเทศอาเซียน เป็นกุญแจสำคัญการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยว
รวมทั้งความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างความเป็นแกนกลางและความสามัคคี โดยไทยจะทำหน้าที่ส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาในภูมิภาค
ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 45 (แบบไม่เป็นทางการ) ประเทศไทยประกาศ ส่งเสริมความเป็นแกนกลางและหนึ่งเดียวกันของอาเซียน ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนและการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ
โดยไทยมีความกังวลเช่นเดียวกันกับทั่วโลกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา และไทยสนับสนุนการบรรลุข้อตกลงการหยุดยิง การปล่อยตัวพลเรือนทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ เพื่อบรรลุแนวทางสองรัฐ
โดยไทยยังจะร่วมกับอาเซียนในประเด็นของประเทศเมียนมา และจะมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในการนำสันติภาพในเมียนมากลับคืนมา เพื่อความ มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศในภูมิภาคนี้
ส่วนการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA ซึ่ง AIPA ถือเป็นตัวแทนเสียงของประชาชนอาเซียนจึงมีบทบาทสำคัญ โดย AIPA จะเสริมความเข้มแข็งในประชาคมอาเซียน ทั้งกรอบกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความยั่งยืน และความมั่นคงของมนุษย์ และการส่งเสริมอัตลักษณ์ของอาเซียน สร้างความตระหนักรู้ของอาเซียนและอัตลักษณ์ของอาเซียน
ส่วนในการพูดคุยกับผู้นำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายจะเน้นส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ AI รวมถึง Digital Transportation ด้วย โดยสิงคโปรพร้อมสนับสนุนการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและอาหารของไทย เช่น ไข่ออร์แกนิค เนื้อหมู
ส่วนการประชุมทวิภาคีระหว่างไทยกับบรูไนฯนั้น ทางบูรไนฯจะร่วมกับไทย สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง กองทุน กบข. ของไทยกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุนของบูรไนเพื่อกระตุ้นการลงทุนร่วมกันของทั้งสองประเทศ และความร่วมมือป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี บูรไนฯยินดีและพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของไทย และสินค้าการเกษตร
ขณะที่การประชุมทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยกัมพูชาพร้อมส่งเสริมการค้าตามแนวชายแดนให้มีมากยิ่งขึ้นรวมทั้งการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมระหว่างประเทศทุกรูปแบบ
ในการประชุมทวิภาคีระหว่างไทยเวียดนามในช่วงค่ำวานนี้ (9 ต.ค. 67) ไทย-เวียดนามได้หารือถึงกรอบความร่วมมือด้านการค้า -การลงทุน โดยเวียดนามประกาศสนับสนุนซึ่งกันและกันในการผลักดันมูลค่าการค้าระหว่าง กันที่มีมูลค่ากว่า 850,000 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนนักลงทุนไทยในสาขาปิโตรเคมี พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม
ส่วนแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ 6 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง“ นั้น ทุกประเทศ ในประชาคมอาเซียนเห็นพ้องกันที่จะผลักดันการเดินทางในภูมิภาค และส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากขึ้นเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้และพัฒนาสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น
ทั้งนี้ทุกชาติที่มีการพบปะพูดคุยในวันแรกนั้น ต่างยอมรับและพร้อมร่วมมือกับไทยในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงทางออนไลน์ Online Scam การค้ามนุษย์ การทำลายเครือข่ายการลักลอบค้ายาเสพติดและปัญหาหมอกควัน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้เชิญ ผู้นำของ สิงคโปร์ -กัมพูชา- บูรไน -เวียดนาม เยือนไทยอย่างเป็นทางการและผู้นำทั้งสี่ประเทศที่หารือกันวานนี้ ต่างก็เชิญนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เยือนอย่างเป็นทางการ ส่วนเวียดนามพร้อมเป็นเจ้าภาพร่วมกับไทยการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมครั้งที่ 4
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews