“ธีรยุทธ” ร้องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “ทักษิณ-เพื่อไทย”ใช้สิทธิ เสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อขอให้ศาลสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ประกอบด้วยคำร้อง 65 หน้า โดยมีพฤติการณ์แบ่งออกเป็น 6 กรณี และเอกสารประกอบอีกจำนวน 443 แผ่น รวมคำร้องและเอกสารประกอบชุดละ 508 แผ่น จำนวน 10 ชุด รวมเอกสารทั้งสิ้น 5,080 แผ่น
โดยใน 6 กรณีนี้ มีกรณี นายทักษิณ ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย เหลือโทษจําคุกต่อไปอีก 1 ปี โดยพบว่าผู้ถกร้องที่ 1 ใช้พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือ ควบคุม การบริหารรราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตํารวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้เอื้อประโยชน์แก่ตนเองระหว่างต้องโทษจําคุกได้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ขั้น 14 โรงพยาบาลตํารวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจําแม้แต่วันเดียว เป็นการฝ่าฝื่นไม่น้อมรับโทษจําคุก ในเรือนจําตามพระบรมราชโองการเป็นการกระทําที่ไม่บังควรอย่างยิ่งทําให้ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนท้าลายพระพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
และนายทักษิณ ยังมีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นผู้นําทาง การเมืองประเทศกัมพูชา ซึ่งมีระบบการปกครองที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยนายทักษิณ มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และสั่งการพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จ ฮุน เซน ให้ประเทศกัมพูชา ละเมิด อธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ ไทย-กัมพูชา อ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOU 2544) เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทย บริเวณเกาะกูด จ.ตราด ให้แก่ ประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ นายธีรยุทธ ยังระบุว่า ผู้ร้องทั้งสองได้มีการกระทำอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมืองหรือดํารงความเป็นกลางทางการเมือง และยังมีการกระทำอันนี้เจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมืองที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงแก่สถาบันหลักของประเทศ อันเป็นรัฐประศาสโนบายที่จำเป็น เพื่อดับไฟกองใหญ่แต่ต้นลม มิให้ไฟกองเล็กกระพรือโหมไหม้ลุกลามขยายใหญ่จนเป็นมหัตภัยที่ไม่อาจต้านทานไว้ จึงขอศาลรัฐธรรมนูญ โปรดพิจารณาวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง ทั้ง 8 คำขอ
นายธีรยุทธ ระบุด้วยว่า การยื่นเรื่องนี้ ได้ไปปรึกษากับนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในบางประเด็น เพราะผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์มีคุณวุฒิ รวมทั้งได้มีการปรึกษากับนักกฎหมายคนอื่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
โดยหลักฐานไม่มีรูปภาพหรือคลิปประกอบ แต่จะเสนอพยานบุคคล ประมาณ 3-4 คน ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าคลิปเสียง ที่หากนำมาเผยแพร่ โดยที่เจ้าตัวหรือผู้เกี่ยวข้องไม่ยินยอมจะผิดกฎหมาย
ส่วนมีคลิปเหตุการณ์บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วง คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้ร่วมมือกับหลายคนที่ไปยื่นองค์กรอิสระก่อนหน้านี้และตนทำของตนคนเดียว และยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด เป็นการทำงานเงียบๆอยู่คนเดียว เนื่องจากการที่มาร้องเริ่มจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งตั้งคำถามถึงความเห็นกรณีร้อง ที่ผ่านมาเป็นเรื่องหยุมหยิมเพราะร้องทีละเรื่อง ซึ่งตนอยากให้มองเป็นจิ๊กซอ ถ้ามาผูกรวมกันจะเห็นอีกภาพ จึงกลายเป็นที่มาของคำร้องนี้ ไม่มีรับงานจากใคร
ส่วนจะถูกมองว่า รับงานพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่เคยพบกับพล.อ.ประวิตร แม้แต่ครั้งเดียว เรายังเป็นแค่คนตัวเล็กๆแต่ได้เล่าให้นายไพบูลย์ ฟังเรื่องจิ๊กซอว์ ที่ตนเห็น โดยเฉพาะจากการเห็นการยุบพรรคไทยรักธรรม และพรรคก้าวไกล ซึ่งนายไพบูลย์ก็มองว่าเป็นไปได้ ขณะเดียวกัน นายธีรยุทธ กล่าวว่า ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลประมาณ 2-3 เดือน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews