“จิราพร”เตรียมหารือเคส The icon เป็นคดีพิเศษ มองดาราแจงพูดตามสคริปต์เป็นสิทธิ์ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการ สั่ง สคบ. ทบทวนกฎหมายล้าหลังทำงานเชิงรุก ป้องกันความเสียหายจากธุรกิจขายตรง
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบริษัท The icon group ธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ ว่า ขณะนี้มียอดของผู้มาร้องทุกข์ 504 ราย ความเสียหาย 118 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดี โดยเมื่อวานนี้ทาง สคบ. ได้ร่วมสอบสวนด้วยสอบถามข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด
ส่วนจำนวนยอดผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายเข้าเกณฑ์เป็นคดีพิเศษได้จะดำเนินการให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ น.ส.จิราพร ระบุว่า ขณะนี้ DSI ได้เข้ามาร่วมทำคดีนี้อยู่แล้ว เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล และเมื่อมีผู้เสียหาย 300 คนขึ้นไปและมูลค่าความเสียหายเกิน 100 ล้านบาท ก็เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นคดีพิเศษ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ส่วนที่สคบ.ถูกพาดพิงเรื่องเทวดา สคบ.รับสินบน เรื่องนี้มีกรอบเวลาในการตรวจสอบหรือไม่ น.ส.จิราพร ระบุว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะอยากได้คนนอกเข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส คาดว่า จะสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ได้ในวันอังคารที่ 14 ต.ค.นี้
ส่วนกรณีที่ดารานักแสดงออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนกับการบริหารธุรกิจ The icon และการโฆษณาก็เป็นการพูดตามสคริปต์ที่ทางบริษัทจัดให้เท่านั้น ส่งผลให้พ้นผิดได้หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะชี้แจงกับประชาชน แต่ทุกคนก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบข้อหาที่ชัดเจนก็จะมีการขยายผล
น.ส.จิราพร กล่าวด้วยว่า ต้องกลับไปดูกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าล้าสมัยหรือไม่ ซึ่งได้หารือกับ สคบ. ว่าเรามีทั้งพ.ร.บ.ขายตรง ตลาดแบบตรง และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค ถ้ามีการอนุญาตธุรกิจประเภทนี้จะต้องมีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นลักษณะให้บริษัทเป็นผู้แจ้งงบการเงินเข้ามาทุกปี ไม่มีระบบเข้าไปตรวจในเชิงรุก จึงอยากเป็นประเด็นสำคัญที่อยากให้เข้าไปแก้ไขเพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนการมอบโล่รางวัลของ สคบ. จะต้องมากขึ้นหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นการการันตีให้กับบริษัทขายตรงได้ น.ส.จิราพร ชี้แจงว่า การมอบโล่รางวัลให้กับบริษัท The icon group เมื่อปี 2563 เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้เข้ามามอบยาและหน้ากากอนามัย รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในช่วงโควิด-19 ซึ่งมีการสัมมนาของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร
โดย สคบ.ได้ส่งคนเข้าไปเป็นวิทยากรร่วม จึงมีการส่งชื่อบริษัทดังกล่าวเข้ามา รับรางวัลในฐานะผู้ทำสาธารณะประโยชน์ ไม่ใช่รางวัลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ จึงสั่งการให้ สคบ.กลับไปดูข้อเท็จจริง และตรวจสอบว่าทางบริษัทดังกล่าวได้นำรางวัลไปใช้ในทางผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดก็จะเรียกรางวัลคืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews