Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

เจ้าสัว รับทรัพย์-ศก.จมหนี้

 

 

 

ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ในวันนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาระหนี้สาธารณะ, หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น , อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งในเอกสารสำนักงบประมาณของรัฐสภา ระบุว่า การขยายตัวของ GDP ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% และ 3% ในปี 2568 อาจไม่เพียงพอต่อการลดหนี้สาธารณะและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

 

 

 

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้คุยกับ “ดร.ธนิต โสรัตน์” รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้า และอุตสาหกรรมไทย ถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2567 โดย “ดร.ธนิต” กล่าวว่า ดูแล้วไม่ค่อยสดใส เพราะระดับหนี้ของไทยอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้ จะขยายตัวที่ระดับ 2.6%

 

 

“พยากรณ์ว่าไตรมาส 4 และต่อไปถึงปีหน้า มันก็ไม่ค่อยสดใส แล้วก็เรื่องสภาพคล่องบ้านเราก็มีปัญหาสภาพคล่อง เกิดจากหนี้เสียเอ็นพีแอล 1.2 ล้านล้าน บวกด้วยหนี้ที่กำลังจะเสียอีก 4 แสนล้าน เราก็ยังไม่มีทางออก”

 

 

ส่วนนโยบายการแจกเงิน 1 หมื่นบาทของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในมุมมองของ “ดร.ธนิต” สะท้อนภาพว่า เหมือนเอาเงินไปโปรย โดยผู้ที่รับประโยชน์สูงสุดก็คือ “เจ้าสัว ” รวมทั้ง สินค้าออนไลน์ที่มาจากต่างประเทศ

 

 

“แจกตังค์เนี่ยมันเหมือนเอาเงินไปโปรย 1 หมื่นบาท 14 ล้านกว่าคน แล้วคุณ ได้ตังค์ คุณคิดว่าเค้าจะไปซื้อของที่ไหน ถ้าเอ่ยชื่อคอนวิเนียน เจ้าสัวใกล้ๆบ้าน เงินมันไม่หมุนมันเข้ากระเป๋าเจ้าสัวหมด 2.ก็ไปซื้อของออนไลน์ได้เพราะตอนนี้มัน open เลยใช่ไหม พูดตรงๆ ของจีนก็ขายเต็มตลาดบ้านเราอยู่แล้ว ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ผมว่าเงินเกินกว่าครึ่ง มันอยู่ในเจ้าสัวกับอยู่นอกประเทศ มันก็จะหมุนเวียนอยู่ในประเทศไม่ถึงครึ่ง มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เยอะ ตอนนี้เรายังมีปัญหาน้ำท่วม แล้วก็รัฐบาลก็ยังเพิ่งประกาศทีมเศรษฐกิจพูดง่ายๆ ก็ยังไม่มีผลงาน คุณเศรษฐาเองเกือบ 1 ปี ก็ยังไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พอถึงรัฐบาลชุดนี้ เค้าก็รื้อ” อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2568 จะเป็นอย่างไร คำตอบที่ได้ น่าสนใจ

 

 

“ผมคิดว่า ปีหน้าก็เป็นปีที่เหนื่อย ด้วยเหตุผลว่า 1.คือเศรษฐกิจโลกไม่ดีกระทบภายใน ท่องเที่ยวก็อาจจะกระทบ คนมาก็จริงแต่ก็ใช้ตังค์น้อย 2.ส่งออกกระทบแน่นอน 3.อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนวันนี้แข็งแล้วไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะอ่อนหรือเปล่า 4.ก็คือราคาพลังงานโลกขึ้นๆ ลงๆ ปัญหากำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนพูดกันเป็นแผ่นเสียงตกร่อง น้ำท่วมรัฐบาลก็ยังไม่ไปถึงไหน แล้วก็เห็นชื่อทีมเศรษฐกิจแล้ว เราไม่ YES”

 

ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส สะท้อนภาพกรณีที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง ปลายเดือน ก.ย.67 โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ธนาคารพาณิชย์ และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้ กระตุ้นการบริโภคนั้น ก็น่าจะหนุนให้ GDP รายไตรมาสของจีนเติบโตได้เกิน 5%YOY และทำให้ประมาณการ GDP ปีนี้โตแตะระดับ 5%YOY ดังที่รัฐบาลจีนหวังไว้ได้ไม่ยาก

 

 

ดังนั้นเศรษฐกิจไทยยังได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าง เนื่องด้วยภาคการท่องเที่ยวไทย มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนสูงเป็นอันดับ 1 โดยอิงปี 2566 ราว 3.5 ล้านคน หรือ 13% จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยทาง สทท. คาดจำนวนนักท่องเที่ยว ในปีนี้ 36.3 ล้านคน เติบโต 29%YOY อีกทั้งได้ขอเสนอให้รัฐบาลจัดทำโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” ในทันที โดยไม่ต้องรอปี 2568 โดยเสนอให้สนับสนุนเงินให้นักท่องเที่ยวคนละ 2,000 บาทต่อวัน ประมาณคนละ 3-4 คืน ซึ่งรัฐบาลใช้เงินสนับสนุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ประเด็นดังกล่าวน่าจะสร้าง SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มการบิน-โรงแรม

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube