Home
|
ข่าว

พิษโควิด!บุรีรัมย์ยกเลิกมาราธอนระยะฟันรัน

Featured Image
บุรีรัมย์ จำใจต้องประกาศยกเลิกการแข่งขัน มาราธอน 2021ระยะฟันรัน เนื่องจากการแพร่ระบาดอีกรอบของโควิด-19

ประกาศยกเลิกการจัดงานบุรีรัมย์ มาราธอน2021ระยะฟันรัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอกใหม่ในขณะนี้ ทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีคำสั่งให้งดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่อที่อาจเกิดผลเสียหายร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ และเนื่องจากการแข่งขันบุรีรัมย์ มาราธอน 2021 ระยะฟันรัน เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่อยู่ภายใต้งาน Buriram Songkran Festival 2021 ที่มีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 6-15 เมษายน 2564

เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ และเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักวิ่งที่เข้าแข่งขันและผู้ร่วมงาน คณะกรรมการจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ มาราธอน 2021 จึงมีความจำเป็นต้องขอแจ้งยกเลิกการแข่งขันในวันที่ 12 เมษายน 2564 โดยมีรายละเอียดการคืนเงินให้กับนักวิ่ง ดังนี้

นักวิ่งที่ทำการสมัครในรอบแรกและแจ้งความประสงค์ย้ายวันแข่งขันเป็น 12 เมษายน 2564 (เป็นนักวิ่งที่ได้รับ Race Pack เรียบร้อยแล้ว)

นักวิ่งจะได้รับเงินค่าสมัครคืน 50% โดยจะต้องทำการยกเลิกผ่านระบบ https://www.runningconnect.com/event/BRM2021

ภายในระหว่างวันที่ 10-25 เมษายน 2564 เท่านั้น โดยมีอัตราการคืนค่าสมัคร ดังนี้
• นักวิ่งทั่วไป 250 บาท
• นักวิ่งสูงอายุ 60-69 ปี 125 บาท
• นักวิ่งสูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่มีการคืนเงิน เนื่องจากสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นักวิ่งที่ทำการสมัครรอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป (เป็นนักวิ่งที่ยังไม่ได้รับ Race Pack)

นักวิ่งจะได้รับเงินค่าสมัครคืนเต็มจำนวน โดยจะต้องทำการยกเลิกผ่านระบบ https://race.thai.run/ภายในระหว่างวันที่ 10-25 เมษายน 2564 เท่านั้น

คณะผู้จัดการแข่งขันฯ จะเริ่มดำเนินการคืนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่นักวิ่งแจ้งข้อมูลไว้ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป

คณะผู้จัดการแข่งขัน บุรีรัมย์ มาราธอน และจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องกราบขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube