“เรืองไกร” ยื่น ปปช.ตรวจสอบนายกฯ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 128 หรือไม่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนได้ส่งหนังสือขอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทำการตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 128 หรือไม่
ซึ่งในหนังสือมีเนื้อหา ดังนี้ 1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 (บางส่วน) และมาตรา 128 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า “มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ “เจ้าพนักงานของรัฐ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
และคณะกรรมการ ป.ป.ช. “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หมายความว่า นายกรัฐมนตรี … “มาตรา 128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใดนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์ และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด”
2.เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2567 เว็บไซต์ไทยรัฐ หัวข้อ “ทักษิณ” แนะนำซินแสดูห้องทำงานในทำเนียบฯ ปรับให้เหมาะกับ “นายกฯ อิ๊งค์”ลงข่าวไว้ (บางส่วน) ดังนี้
“วันที่ 15 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าของวันที่ 12 และ 13 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
น.ส.แพทองธาร ได้ปรึกษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา โดยนายทักษิณ ได้แนะนำซินแส 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติให้เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรี บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมในยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน”
3.การที่ซินแส 2 คน เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน นั้น เมื่อพิจารณาจากข้อหารือของกรมสรรพากร (ตามสำเนาที่แนบมาด้วย) ซินแส 2 คน นั้น น่าจะมีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40
และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศ ตามความในมาตรา 41 แต่หากไม่มีการจ่ายเงินได้ ผู้รับบริการคือนายกรัฐมนตรี ก็อาจมีการรับประโยชน์อันอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช. ตามมาได้
4.จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบตามลำดับ ดังนี้ – ตรวจสอบตามประมวลรัษฎากรก่อนว่า ซินแส 2 คน นั้น มีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40 เป็นจำนวนเงินเท่าใด และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศตามความในมาตรา 41 หรือไม่
– ตรวจสอบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินให้ซินแสทั้ง 2 คน หรือไม่ จ่ายโดยวิธีใด
– ตรวจสอบว่า หาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้จ่ายเงินได้ให้ซินแสทั้ง 2 คน จะถือว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ในส่วนที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใด …” หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews