คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชั่วโมงนี้ คดีความ “ดิไอคอน” ชิงพื้นที่สื่อไปเกือบทั้งหมด กระแสของพรรคการเมืองดร็อปลงไป เกือบทุกพรรค ยกเว้น “พลังประชารัฐ”ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะคนในพรรคถูกโยง เป็นเจ้าของเสียงในคลิป ที่ “บอสดิไอคอน” เอามาเปิดเผยมีการจ่ายใต้โต๊ะเพื่อเปิดทาง เคลียร์ทางในชั้นกรรมาธิการได้
จนขยายวงกว้างมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะเดียวกัน “พล.อ.ประวิตร” ก็ถูก “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” อดีตโฆษกเพื่อไทย ไล่ล่าตรวจสอบ ในประเด็นโดดประชุมสภาอย่างต่อเนื่อง ร้องเอาผิดจริยธรรม เอาผิดมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ลามปามไปถึงขั้นรับผลประโยชน์อื่นใดที่ขัดกับกฏหมาย ปปช.จากการลาประชุมไปทัวร์ต่างประเทศ
ทุกข้อหาล้วนหนักหน่วง ที่โถมกระหน่ำใส่ “ลุงป้อม” และมองว่า เป็นการโจมตีพรรคพลังประชารัฐครั้งรุนแรงที่สุด นับจากก่อตั้งพรรค เพื่อสืบอำนาจของ คสช. เมื่อปี 2561 ก่อนจะทำสำเร็จ ในการเลือกตั้ง 2562 ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกฯต่ออีก 4 ปี ก่อนลูกพรรคปีก “ลุงตู่” จะขยับขยายไปตั้งพรรคใหม่เป็นรวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และปิดตำนาน 2 ลุงแห่งพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ
พรรคพลังประชารัฐ เกิดจากการวมตัวของหลายกลุ่มการเมือง และศิษย์เก่าหลายพรรคการเมือง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นรัฐบาลต่อหลังจาก คสช.หมดอำนาจไปและสามารถทำได้อย่างราบรื่นในแทบจะทุกขั้นตั้น เป็นเวลากว่า 6 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง แม้จะมีปัญหาอุปสรรคขัดแย้งบ้าง ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกยุคทุกสมัย เริ่มจากในยุคก่อตั้งพรรค ที่มี 4 รัฐมนตรี รัฐบาล คสช. มาร่วมาน ก็ถูกครหา ถูกร้องเรื่องระดมทุนโต๊ะจีน 600 ล้าน แต่ก็ผ่านมาได้ หรือแม้กระทั่งการปะทะกันภายในอย่างรุนแรง ระหว่างกลุ่มของอดีตหัวหน้าพรรคอย่าง”อุตตม สาวนายน” กับ กลุ่มของ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ”
จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่ง “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ผู้ผิดหวังต้องแยกออกไปตั้งพรรคใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยพลังประชารัฐก็เดินหน้าต่อมาได้ หรือแม้กระทั่ง “ลุงตู่” มีปัญหา กับ “ผู้กองธรรมนัส” จนต้องปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ และทีมของของ “ธรรมนัส” ถูกขับออกจากพรรคไปตั้งพรรคใหม่ชื่อ “เศรษฐกิจไทย” ก็ไม่มีปัญหา เพราะในตอนท้ายก็ย้ายกลับมาร่วมกันสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง และมีบางกลุ่ม ถอยออกไปร่วมงานกับรวมไทยสร้างชาติ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้
จนได้ร่วมรัฐบาลอีกในยุคของ “เศรษฐา ทวีสิน” จนถูกเขี่ยออกในยุคของ “แพทองธาร ชินวัตร” ความเสื่อมถอยของพลังประชารัฐ เด่นชัดขึ้น ส.ส.ในพรรคแบ่งเป็น 2 ขั้ว อยู่กับ”ลุง”และอีกกลุ่มไปกับ “ผู้กอง” หนุนรัฐบาล “แพทองธาร” และด้วยเหตุนี้ จึงถูก “พร้อมพงศ์” ตามจองล้างจองผลาญอย่างต่อเนื่อง ขุดคุ้ยแทบจะทุกเรื่อง
ยื่นหนังสือร้องเรียนแทบจะทุกสัปดาห์กลายเป็นมรสุมลูกใหญ่ ที่พัดถล่ม “ลุงป้อมบ้านป่าฯ” และพลังประชารัฐอยู่ในเวลานี้ ก่อนจะเกิดคดี “ดิไอคอน” และพลังประชารัฐ ก็ถูกโยงเข้าไปอีก จนท้ายที่สุด ต้องปลด “สามารถ เจนชัยจิตรวณิช” พ้นจากตำแหน่งโฆษก และอาจถูกขับพ้นพรรคด้วย เพื่อลดกระแส ดังนั้นในห้วงเวลาที่ “ดิไอคอน” แรงมาก “พลังประชารัฐ” คือพรรคเดียวที่เป็นข่าวตามหน้าสื่อแบบแรงไม่ตกเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
