ผุดแทรกมาระหว่างข่าว “ดิไอคอน” ยังไม่หลุดจาก “ข่าวหน้า1”ข่าวการเมืองที่แวดวงการเมืองที่มีการจับตาไม่น้อยไปกว่าเรื่องราวของบรรดา “เทวดา” ที่มีทั้งในหน่วยงานรัฐ สคบ.,ดีเอสไอ.และ ในพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล กับ “สัญญาน” ที่ออกมา ที่จู่ๆก่อนหน้าจะมีการดินเนอร์ของพรรรคร่วมรัฐบาลเพียง 3 วัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(18ต.ค.) “แสวง บุญมี” เลขากกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองออกมาให้ข่าวทำนอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาล กรณีปล่อยให้ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำและชี้นำพรรคจากปมตั้งรัฐบาลที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
และมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบเพราะคดีพอมีมูล จากที่ “นักร้องนิรนาม”ไปยื่นร้อง โดยตามกระบวนการ คณะกรรมการสอบสวนฯ จะตรวจสอบเอกสาร หลักฐานสอบพยานบุคคลต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากข้อมูล พยานเอกสาร และหลักฐานยังไม่ครบถ้วนที่จะสรุปความเห็นของสำนวนเสนอนายทะเบียนได้สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกครั้งๆ ละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ
ที่ปรากฎการณ์นี้สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง โดยเฉพาะต่อ “พรรครัฐบาล” ตั้งแต่เพื่อไทย ที่แม้ “นายกอิ๊งค์-แพทองธาร”จะบอกไม่กังวล แต่ผู้คนแกนนำในเพื่อไทยก็ออกอาการไม่แต่ “ภูมิธรรม” ทียอมรับไม่สบายใจ เวลาใครคนใดคนหนึ่งหยิบเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมาก็กลายเป็นประเด็นไปทั้งหมด รัฐบาลและนายกฯเข้ามาบริหารประเทศเพียง 1 เดือน ยังไม่ทันทำอะไรก็มีมาฟ้องนายกฯหลายเรื่อง ไม่อยากทำให้เรื่องนี้มาทำให้เสถียรภาพและความเชื่อมั่นรัฐบาลเสียหาย เพราะเศรษฐกิจ กำลังจะพลิกฟื้น ต้องมาชะงัก หากเป็นเช่นนี้เศรษฐกิจประเทศพังแน่ อยากให้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย หากทำอะไรผิดก็ว่ากันไปตามผิด และพรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้กังวลใจก็ว่ากันไปตามกระบวนการ
เช่นเดียวกับ“เสี่ยหนู-อนุทิน”จากภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่มีใครครอบงำภูมิใจไทยได้ ทุกอย่างมาจากมติที่ประชุมพรรค เช่นเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีหลักการที่เหมือนกัน คือโดยธรรมชาติ ไม่มีทางให้ใครเข้ามาครอบงำแน่ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องส่วนเรื่องการตัดสินใจยกมือสนับสนุน “นายกอิ๊งค์” ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 67 ก็เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยทุกประการ
ในขณะที่ ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน”ที่เพิ่งโดน “ศาลรัฐธรรมนูญ” สอยตอนเป็น “ก้าวไกล”ก็มาทำนองไม่เห็นด้วยกับเรื่องการ “ยุบพรรค”อย่างที่ทั้ง
“เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ”หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน รวมถึง “วิโรจน์” ออกมาไม่เห็นด้วยการ การฟ้องร้องที่นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง โดยมองอาจสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองมาชนักติดหลังทางการเมืองบางอย่างหรือไม่ ขณะที่ “วิโรจน์”ข้องใจกับคำร้องนิรนามเปิดทางไป สู่การยุบพรรคจะลามไปสู่การเกิดการรัฐประหารเงียบจากระบบเทวดาธิปไตยหรือไม่ โดยมองว่าเป็นการสร้างชนักปักหลังบีบอำนาจบริหาร ถือเป็นอันตราย มีแค่บัตรสนเท่ห์ 1 ใบ
นอกจากนี้บรรดานักร้องยังถูกตั้งคำถามจากสังคมเรื่อยมา เรื่องมีใบสั่งหรือไม่ หรือ เทียบเคียงกับคดีดังแชร์ลูกโซ่ก็พัวพันคลิปนักร้องเรื่องตบทรัพย์หรือไม่
ยิ่งบัตรสนเท่ห์ไร้ตัวตนคนร้อง มาตรฐานต่ำกว่านักร้องอีก
ขณะที่ “สุริยะใส กตะศิลา”มองอีกด้านว่า ไม่ว่าฝ่ายที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกฎหมายยุบพรรคการเมือง ก็ควรแสดงจุดยืน ที่ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ทั้งในแง่กฎหมายซึ่งในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อห้ามไว้อยู่ว่าการครอบงำพรรค เป็นความผิดถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์ กรรมการบริหาร พรรค และในเชิงข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์การครอบงำ ที่ถูกร้องเรียนก็พบข้อเท็จจริงที่มีมูลชัดเจนหลายกรรมหลายวาระ จึงเป็นเหตุที่ กกต.จะเพิกเฉยไม่ได้
ฉะนั้นการตั้งอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ชอบแล้ว มองอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญในฐานะองค์กรวินิจฉัยสูงสุดเพื่อวินิจฉัยหาข้อยุติอันจะเป็นบรรทัดฐานกับทุกฝ่ายจะได้ไม่หยิบยกเรื่องนี้มากล่าวโทษหรือทำลายความชอบธรรมกันอีกต่อไป และมองว่าพรรคการเมือง
ควรพยายามทำให้เป็นสถาบันทางการเมือง อย่าผูกอยู่กับตัวบุคคล และปล่อยให้บุคคลที่อยู่นอกพรรคและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมาครอบงำชี้นำแบบที่เป็นอยู่ด้วยกันหลายพรรคในขณะนี้ ถ้าพรรคการเมืองใดที่พยายามจะทำให้ พรรคตัวเองเป็นสถาบันก็ไม่ต้องกลัวเรื่องพฤติกรรมการครอบงำบงการหรือพยายาม
ไปแสวงหาผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคซึ่งมันย้อนแย้งกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
