Home
|
ข่าว

“ภูมิธรรม” ยันชัด “เกาะกูด” ของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ

Featured Image
“ภูมิธรรม” ยันชัด”เกาะกูด”ของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ประเทศ เตรียมนั่ง ปธ.คณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ดึง สภาพัฒน์-กฤษฎีกา ร่วมแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล

 

 

 

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ร้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิก MOU 2544 ในยุคของนายทักษิณ ชินวัตรที่รัฐบาลปัจจุบันจะนำมาเป็นเครื่องมือในการแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งมองว่าไทยจะเสียเปรียบการปักปันเขตแดนทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องเกาะกูด จ.ตราด ว่า MOU 2544 เราทำได้ดีแล้วคนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีก็ คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย

 

 

 

ซึ่งในสมัยนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า เกาะกูด เป็นของไทยมาโดยตลอด และไม่เคยมีปัญหาว่ากัมพูชาอยากจะเอา แบ่งเขตแดนและการพูดคุยเรื่องเส้นแบ่งเขตแดนในเรื่องเก่า ที่เกิด MOU 2544 ไม่ใช่ MOU จะให้ทำ แต่เป็น MOU จะให้ไม่ทำ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่องเส้นเขตแดน โดยข้อเท็จจริงแล้วเส้นเขตแดนมาตามเกาะกูด และอ้อมเกาะกูดลงมา

 

 

 

โดยไปตามแนวของเกาะกูด เพียงแต่เราอยากเห็นการปักเส้นเพียงนิดเดียว คือ เส้นนี้ แทนที่จะไปล้อมรอบเกาะกูด ก็ตรงออกมาเลย และขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเขตแดนแต่ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน ขออย่าหลงประเด็น สิ่งสำคัญคือข้างล่างใต้ทะเลที่มีประโยชน์ น้ำมันใช้ได้ ซึ่งอีก 10 ปีจะลดความสำคัญลง และตรงนี้กว่าจะตกลงกันได้หากเอาผลประโยชน์ขึ้นมาการที่รัฐบาลจะนำเรื่องนี้มาพูดคุย ซึ่งเข้าใจว่าตนน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะสมัยก่อนเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ต้องเจรจากัน แต่ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าขยายเป็นเรื่องการยึดดินแดน เสียดินแดน ชาติขึ้นมา เพราะเป็นการปลุกความคลั่งชาติขึ้นมา ทำร้ายผลประโยชน์ที่ประเทศควรจะได้รับ

 

 

 

เมื่อถามว่ามันมีข้อมูลและหลักฐานที่ชี้ชัด ว่ากัมพูชาก็อ้างสิทธิ์ในเกาะกูด ทั้งการขีดเส้นขีดแดงขึ้นเอง และการสร้างสะพานลงในอ่าวไทย โดยยึดเขตแดนดังกล่าว นายภูมิธรรม กล่าวว่าเรื่องนี้ก็คงต้องคุยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างพูดก็จะไม่มีข้อสรุป และต้องทำความเข้าใจประเด็นขายชาติขายดินแดน มันไม่มี สิ่งที่แตกต่างกันก็ยังยืนยันอยู่ แต่ก็ไม่มีการล่วงล้ำอะไรสิ่งที่จะดูก็คือจะแบ่งปันผลประโยชน์อย่างไร

 

 

 

ต้องมีการเจรจาถ้าผมเข้ามารับผิดชอบคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพราะหมดไปกับรัฐบาลชุดที่แล้วและหลังจากเปลี่ยนแปลงแล้วก็คงจะเรียกประชุมว่าจะทำอย่างไรซึ่งอาจจะต้องมีการปรับ ให้มีหน่วยงานที่กว้าง ขึ้นมากกว่ากระทรวงต่างประเทศเพราะปัจจุบันเป็นอธิบดีและหัวหน้ากรมสนธิสัญญาอาจจะต้องดึงสภาพัฒน์กฤษฎีกาและส่วนอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเพื่อทำให้ภาพรวมมองได้กว้างขวางมากขึ้น เมื่อ ถามว่ามีคนกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของคน ในรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ที่มีความใกล้ชิดกันจึงมีความกังวล การเจรจาจะมีผลประโยชน์ส่วนตัว อย่าไปจินตนาการเรื่อง ผลประโยชน์ ประเทศชาติ ต้องมาก่อนเรื่องอื่นอยู่แล้ว และการแยกดินแดนก็ไม่มี

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube