โคราชประกาศเตรียมรับมือพายุ “จ่ามี” อาจทำฝนตกหนัก ขณะที่อ่างเก็บน้ำ 27 แห่งยังต้องการน้ำเติมลงอ่างจำนวนมาก “ลำตะคอง” ยังวิกฤติ เหลือน้ำผลิตประปา เพียง 28% เท่านั้น
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้ออกประกาศฉบับที่ 4 เรื่องพายุ “จ่ามี” ว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี (TRAMI)” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากประมาณ 400 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีนกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งทางด้านตอนกลาง ใกล้บริเวณเมืองดานังของประเทศเวียดนาม
ในช่วงวันที่ 26-28 ตุลาคม 2567 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย เนื่องจากยังมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมทางด้านหน้าของพายุในช่วงดังกล่าว แต่อาจจะส่งผลกระทบทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตดหนักบางแห่ง กับมีลมแรงในช่วงวันดังกล่าว หลังจากนั้น พายุจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวออกห่างจากชายฝั่งประเทศเวียดนามกลับไปทางทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนลดลง
วันนี้จึงคาดว่าจังหวัดที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี , วันที่ 27 ตุลาคม 2567 จะมีจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี ส่วนวันที่ 28-29 ตุลาคม 2567 จะมีจังหวัดมุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี
จากการพยากรณ์และคาดการณ์ลักษณะอากาศดังกล่าว กองอำนวยการและป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้อำนวยการจังหวัด จึงได้แจ้งโทรสารด่วนที่สุดที่ นม. (กปภจ.) 0021/ว 202 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ไปถึงนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนครราชสีมา ให้เตรียมความพร้อมป้องกันและลดผลกระทบจากสถานการณ์
ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2567 ทั้งการแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ และระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมประโชกแรง
รวมทั้งให้แต่ละอำเภอประเมินพื้นที่เสี่ยงภัย บูรณาการเตรียมพร้อมทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัยและกำลังพลให้พร้อมปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุ และให้มีความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้แต่ละอำเภอประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคไว้ด้วย และให้เร่งรัดสูบน้ำจากแหลบ่งน้ำดิบต่างๆ หรือจากฝนที่ตกลงในพื้นที่ สูบมาไว้ในแหล่งกักเก็บน้ำดิบผลิตประปาให้เต็มความจุ
เพื่อให้มีน้ำสำรองเพียงพอใช้ในช่วงฤดูแล้งปีนี้และยาวไปถึงฤดูร้อนปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์เก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางของจังหวัดนครราชสีมา รวม 27 แห่ง
ล่าสุดวันนี้ พบว่า เหลือน้ำเก็บกักรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 624.98 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 51.19 % และเป็นน้ำใช้การได้ 562.14 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 48.55 % เท่านั้น โดยเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคองที่ส่งจ่ายน้ำหล่อเลี้ยงชาวโคราชถึง 5 อำเภอ เหลือน้ำแค่ 105.72 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 33.62 % และเป็นน้ำใช้การได้เพียง 83 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 28.45 % เท่านั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อยวิกฤติ”
ในขณะที่อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เหลือน้ำเก็บกัก 88.49 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 57.10 % และเป็นน้ำใช้การได้ 87.77 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 56.90 % ,อ่างเก็บน้ำมูลบน เหลือน้ำ 84.39 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ59.85 % และเป็นน้ำใช้การได้ 77.39 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 57.76 % และอ่างเก็บน้ำลำแชะ เหลือน้ำ 152.53 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.47 % และเป็นน้ำใช้การได้ 145.53 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 54.30 % เท่านั้นส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง เหลือน้ำเก็บกักรวมอยู่ที่ 193.83ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 57.80 % และเป็นน้ำใช้การได้ 168.45 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 54.35 % ดังนั้น ทุกอ่างฯ จะต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อให้เพียงพอใช้จนกว่าจะถึงฤดูฝนปีหน้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews