“ภูมิธรรม” ขออย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ โยงเหตุไม่สงบชายแดนใต้เป็นเอฟเฟค “คดีตากใบ” หมดอายุความ วอนอย่าพุ่งเป้า นายกฯ เพราะผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว สงสัยทำไมเพิ่งเรียกร้อง มองฝ่ายการเมืองตีกิน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังคดีตากใบ หมดอายุความ กังวลหรือไม่ที่ความรุนแรงจะทวีมากขึ้นว่า มีความกังวลตั้งแต่ต้นมาโดยตลอด เพราะสถานการณ์ความรุนแรงยังไม่จบ ทั้งท่าทีที่ฝ่ายรัฐบาลได้พยายามจบคดีนี้ตั้งแต่แรก และใช้เวลา 4-5 ปี ในการติดตามแก้ไขปัญหา พร้อมระบุว่า การพูดบางทีพูดความจริงไม่หมด หรือพูดความจริงครึ่งเดียว ก็จะเป็นปัญหาได้ แต่ตนไม่ได้กล่าวหาเขาทั้งหมด
ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงอยู่ ตราบใดที่การทำงานยังไม่บรรลุผล ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีตากใบ ตนมองว่า แม้คดีตากใบจบลงแล้ว ความรุนแรงก็ยังคงมีอยู่
สำหรับการข่าว จะมีการขยายวงเชิงสัญลักษณ์การก่อเหตุมายังในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ได้ให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวัง อย่าให้มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก และไม่ใช่เรื่องที่จะไปคาดการณ์ให้เลวร้ายที่สุด แต่เราดูแลป้องกันตลอดอยู่แล้ว
ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้มีกระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่า รัฐบาลมีกระบวนการยุติธรรม อย่างที่ตนเคยบอกว่า เคยนำคดีเข้าสู่ศาลฯ อย่างน้อย 4 คดี เพราะฉะนั้นกระบวนการต่าง ๆ ที่ทำมา ก็ได้ทำมาอย่างยาวนาน และที่ศาลฯ ได้ตัดสินในช่วง 5 ปีแรกจนถึงตอนนี้ผ่านมาแล้วกว่า 15 ปี ไม่เคยมีการหยิบหยก ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาแล้วหลายรัฐบาล แต่การที่จะพุ่งเป้ามาให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ ซึ่งตอนเกิดเหตุการณ์นางสาวแพทองธาร อายุเพียง 10 กว่าขวบ แต่โดยบทบาทของความเป็นรัฐบาล ก็ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ หลังจากดำเนินการแล้ว ก็ไม่มีใครปรารถนาให้ยืดเยื้อมาเป็นประเด็น เมื่อถึงวันเวลาก็ยังไม่สามารถทำได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอเรื่องนี้ให้เป็นบทเรียน และไปศึกษาดูว่า กระบวนการเช่นนี้ ที่จะทำให้ดีกว่านี้เป็นอย่างไร พร้อมกับมองว่า หากคดีมีความต่อเนื่องมา 15 ก่อน กระบวนการต่าง ๆ ก็จะดีกว่านี้ ไม่ใช่มาเรียกร้องเอาตอนสุดท้าย ตอนที่คดีจะถึงที่สิ้นสุด
แต่เหนือสิ่งอื่นใดอย่าให้เรื่องเล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง และนำมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของส่วนใดส่วนหนึ่ง และเรื่องนี้เป็นปัญหาของรัฐไทย จึงต้องคำนึกถึงรัฐไทย ไม่ใช่รัฐบาลพร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า ทำถึงมาสนใจตอนนี้ หากสนใจเร็วกว่านี้ รัฐบาลจะมีเวลาการทำงานมากกว่านี้ ต้องเห็นถึงผลประโยชน์ประเทศชาติโดยรวมด้วย
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์อื่นที่เกิดขึ้น ไม่ใช่อาฟเตอร์ เอฟเฟค ขออย่านำไปโยง เพราะมันจะทำให้เรื่องนี้มีความสำคัญมากขึ้น แล้วเรื่องนี้จะไม่จบ ตนว่า เรื่องนี้ควรจบได้แล้ว อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะรัฐจะต้องไปดูว่า จะทำอย่างไรให้เหตุการณ์เบาบาง ซึ่งก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังมาตั้งแต่ต้น ซึ่งหากดูข้อเท็จจริงจะพบว่า เจ้าหน้าที่ และประชาชน โดนมาโดยตลอด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews