ขับเคลื่อนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 อย่างเต็มรูปแบบสำหรับรัฐบาลที่มุ่งหวังให้ “จีดีพี” ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนถึงความแกร่งและความเฟื่องฟูของประเทศโตตามเป้า
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.7% นำโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าไทยปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 36 ล้านคน
ส่วนปีหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายพิชัย ชุณหวชิร” หวังว่า จีดีพีปี 2568 โต 3.5% จากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมไว้ อาทิ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2, การกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านโครงการใหม่ๆ รวมทั้งการหนุนต่างชาติ เช่าที่ดิน 99 ปี และ มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน เป็นต้น
ในมุมมองนักวิชาการ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ไม่ง่ายเลยที่จีดีพีปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.5% เพราะการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทำงานหนักให้มากขึ้น
“ก็คงต้องทำงานหนัก 3.5% ศักยภาพของเรามันประมาณ 3%ผมคิดว่าเต็มที่ ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่จะเป็นตัวผลักดันมากเป็นพิเศษเรื่องการท่องเที่ยวเท่านั้น เท่าที่มองเห็นเกิดบูมมากๆก็อาจจะมีโอกาสผลักดันเข้าไปได้ เรื่องการส่งออกโดยทั่วไปดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรที่จะทำให้เราขายของได้ดีมากเป็นพิเศษ ราคาพืชผลก็คงอยู่ในเกณฑ์ดี
แต่ก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่สินค้าอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เผชิญกับปัญหาความตึงเครียดความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐแล้วก็ยุโรปกับจีน แล้วก็สถานการณ์อื่นๆก็ดูจากก็ไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่ ตลาดโลกก็ยังพอส่งทรงๆไม่ถึงกับดีมากก็เลยนึกไม่ออกว่าอะไรมันจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตไปเกินศักยภาพ 3%,3.5% ถือว่ามันต้องมีเรื่องโชคเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เยอะเลย”
นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้กล่าวถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ด้วยว่า แม้จะช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจได้ แต่ก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง เพราะจากเฟสแรก ก็ไม่ได้สร้างอิมแพ็คต่อเศรษฐกิจไทยมากเท่านัก
“ก็ดูรอบแรกมันก็ช่วยได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้มีอิมแพ็คมากมายอะไรนึก รอบสองด้วยจำนวนเงินพอๆกันก็คงจะเหมือนๆกันแหละก็คงแน่นอน ทำให้คึกคักมากขึ้นแต่ไม่ได้ฟู่ฟ่า ช่วยได้แน่นอน แต่ว่ามันก็สิ้นเปลืองไปเปล่าๆเพราะว่ารอบ 2 มันจะเป็นการแจกคนที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าที่ควร”
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจไทยมีความท้าทาย การทำงานของนายกรัฐมนตรีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตตามเป้าหมาย ในมุมมองของ “ศ.ดร.พรายพล” เชื่อว่า จะเหนื่อยและเผชิญกับศึกหนักมากพอสมควร
“มันก็เหนื่อยมาโดยตลอดเพราะว่าอย่างที่เราเห็นๆกัน เศรษฐกิจไทยก็โตช้าที่สุดในกลุ่มอาเซียนเพราะฉะนั้นตรงนี้ภาพลักษณ์มันก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว รวมทั้งก็สถานการณ์อื่นๆรอบๆ ตัว โครงสร้างของเรามันก็อ่อนแอลงไปเยอะ คนแก่มากขึ้นก็ดี ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลง หน่ำซ้ำต้องเผชิญกับ Climate Change ต่างๆพวกนี้ก็ศึกหนัก ก็ศึกหนักพอสมควร”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนกระทรวงการคลัง เพื่อมอบนโยบายให้กับส่วนราชการ โดยทางกระทรวงจะเสนอเรื่องมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 และมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค.
โดย “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า มาตรการต่างๆที่ออกมาแล้วรวมถึงที่กำลังจะออกมานั้น กำลังมีการวัดข้อดีข้อเสียกันอยู่ว่าปลายปีจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แต่ยอมรับว่ายังมีข้อกังวลเพราะออกมาในช่วงที่ไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส4 จะดีกว่าไหมหากจะนำไปใช้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อหาจุดลงตัว
โดยตัวเลข GDP ปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 2.7-2.9% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ตัวเลขไตรมาส 4 คาดว่าจะ 4% เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ส่วนหลักๆก็มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ใส่ลงไปแล้ว
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะการผลักดันให้จีดีพีโตตามเป้าหมาย ย่อมสะท้อนถึงฝีมือในการบริหารประเทศ และจะสะท้อนมายังคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีและครม.นั่งเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews