Home
|
บันเทิงสากล

สะเทือนวงการ K-Pop! หลัง HYBE ถูกแฉบูลลี่ศิลปินดังทั้งวงการ พุ่งเป้าโจมตี ลิซ่า BLACKPINK!

Featured Image

          กลายเป็นประเด็นที่ร้อนระอุในโซเชียลอีกครั้ง เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการอย่าง K-POP อย่าง HYBE Corporation ถูกบังคับให้ต้องออกมาเปิดเผยเอกสารภายในของบริษัทที่มีการเขียนระบุถึงศิลปินของค่ายอื่นๆในวงการ K-POP ทุกค่าย แถมเนื้อหาในเอกสารนั้นยังมีการดูถูกศิลปิน ปั่นกระแสข่าวปลอม เพื่อเป็นการสะกัดดาวรุ่งศิลปินค่ายอื่นๆอีกด้วย เรื่องราวดราม่า จะเป็นเช่นไร สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้สรุปไว้ให้แล้ว 

          ต้นกำเนิดของดราม่านี้เริ่มจากการที่ ฮันนิ หนึ่งในสมาชิกวง NewJeans ที่ได้เข้าให้การกับทางรัฐบาลและรัฐสภา ประเด็นเรื่องการตรวจสอบการบูลลี่กันในที่ทำงานของบริษัท HYBE หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอไลฟ์พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆในวงเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งระหว่าง HYBE และ ADOR รวมทั้งการที่เธอถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในบริษัทหลายๆ เรื่อง ตลอดจนเหตุการณ์ที่มีผู้จัดการของวงหนึ่งในค่ายสั่งให้วงที่ดูแลเพิกเฉยต่อ NewJeans ให้ทำเหมือนพวกเธอไม่มีตัวตนในบริษัท

          หลังจากที่ดราม่านี้เกิดขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของการเข้ามาตรวจสอบบริษัทโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ และนำไปสู่การเปิดเผยเนื้อหาของเอกสารภายในของ บริษัท HYBE มีการพาดพิงและโจมตีศิลปินวงอื่นๆ จากตัวอย่างเอกสาร 20 หน้าจากทั้งหมดจำนวน 18,000 หน้า ซึ่งเอกสารดังกล่าวถูกเขียนขึ้นเป็นรายสัปดาห์ และมีการเผยแพร่ทางอีเมลล์ส่งถึงเหล่าผู้บริหารผู้ของค่าย หนึ่งในนั้นรวมถึง บังชีฮยอก (ซีอีโอ BIGHIT และ HYBE) ด้วย

HYBE ถูกแฉบูลลี่ศิลปินดังทั้งวงการ พุ่งเป้าโจมตี ลิซ่า BLACKPINK!

          สำหรับเนื้อหาภายในที่เพิ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเพิ่มเติม มีการพาดพิง และวิพากษ์วิจารณ์ศิลปินในบริษัทคู่แข่งอย่างไม่เหมาะสม รวมทั้งยังโจมตีภาพลักษณ์ การโปรโมต การทำการตลาดของเหล่าศิลปิน K-Pop ค่ายอื่นๆด้วย อาทิ

          ENHYPEN , ลิซ่า BLACKPINK, จีซู BLACKPINK, ซูก้า และ จองกุก BTS , เจค ENHYPEN , TREASURE, The Boyz , ADOR girl group , อึนแช LE SSERAFIM , Stray Kids , SEVENTEEN และ Nana Tour , BOYNEXTDOOR , TripleS , (G)I-DLE , IVE , VIVIZ , Monsta X  , iKON  , EXO พูดถึงคยองซู- CBX และ EXODUS , แทมิน SHINee และวง , TO1 , NMIXX , Baekho , Yeonjun TXT aespa เป็นต้น

          โดยหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ที่โดนโจมตีเรื่องภาพลักษณ์ การทำการตลาด รวมถึงข่าวลือและการกล่าวหาต่างๆ นานา เช่น ค่าย Hybe จ้างสื่อให้เขียนข่าวโจมตีลิซ่า ,กล่าวหาว่าลิซ่ามีแฟนคลับเฉพาะแค่ในเอเชีย ,กล่าวหาว่าที่ลิซ่าได้รางวัลศิลปิน K-POP ยอดเยี่ยมเพราะโกงโหวต ,โจมตีเรื่องการออกเดทเป็นเหตุผลที่ไม่ยอมต่อสัญญากับค่ายเดิม

          ไปจนถึงการเหยียดเชื้อชาติ มีการดูถูกลิซ่าว่าเป็นคนไทย จึงไม่แปลกใจที่เธอเต้นกึ่งเปลือยเพื่อหาเงินจากการแสดง Crazy Horse Show

          โดย HYBE กล่าวถึงการปรากฏตัวของลิซ่าที่ Crazy Horse Show ที่ปารีส ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาสาธารณชนลดลงอย่างมาก ดูเหมือนว่าสำหรับเธอ การแสดงที่มีการเปลือยอาจเป็นการท้าทายหรือแสดงถึงพลังในแบบของเธอ แต่การนำเสนอนั้นแบบนี้กลับดูไม่มีบริบทที่ชัดเจน แทนที่จะเป็นการผสมผสานเข้ากับการแสดงที่มีความหมาย กลับทำให้ดูเหมือนการแสดงแบบล้อเลียนที่ขาดความลึกซึ้ง จนถูกมองว่าไร้เดียงสาไปบ้าง

HYBE ถูกแฉบูลลี่ศิลปินดังทั้งวงการ พุ่งเป้าโจมตี ลิซ่า BLACKPINK!

          นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า HYBE มีส่วนในการพยายามปล่อยข่าวเท็จ หรือข่าวที่ไม่มีมูลเพื่อปั่นกระแสความเกลียดชังและชื่อเสียงในแง่ลบแก่ลิซ่า ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีบทความใส่ร้ายลิซ่าเป็นจำนวนมาก และเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน จนทำให้แฟนคลับต่างสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการนี้

          รวมทั้ง HYBE พยายามสร้างภาพลักษณ์ของ Fandom หรือกลุ่มแฟนคลับของลิซ่าให้ดูไม่ดีต่อสาธารณชน และพยายามตั้งชื่อแฟนด้อมของศิลปินในค่ายของตนเองให้คล้ายกับแฟนด้อมของลิซ่าเพื่อเกาะกระแสให้วงของตนดังตามไปด้วย เรียกได้ว่าเรื่องนี้ทำเอาแฟนๆ ของลิซ่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง

          หลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป แฟนคลับของศิลปินที่ถูกพูดถึงในเอกสารดังกล่าวอาทิ EXO, SHINee, (G)I-DLE, Stray Kids ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ HYBE อย่างล้นหลาม และเรียกร้องให้ HYBE ออกมาขอโทษศิลปินต่างๆ แบบเรียงคน จนภายหลัง HYBE ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเพียงการรวบรวมความคิดเห็นจากแฟนคลับ ไม่ใช่จุดยืนของบริษัทแต่อย่างใด

          กระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา อีแจซัง (Lee Jae-Sang) CEO ของ HYBE ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อกรณีดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการของบริษัท โดยมีเนื้อหาระบุว่า

          “ในฐานะ CEO ของ HYBE ผมขอกราบขอขมาต่อศิลปิน ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม และแฟน ๆ ทุกท่านเกี่ยวกับเอกสารที่ถูกวิจารณ์ดังกล่าว เอกสารดังกล่าวนี้ถูกจัดทำขึ้นในกระบวนการรวบรวมความคิดเห็น และปฏิกิริยาต่อแนวโน้มและประเด็นในอุตสาหกรรม เพื่อแชร์ให้กับผู้บริหารบางส่วน โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำความเข้าใจความคิดเห็นของแฟน ๆ และตลาดที่มีต่อศิลปิน แต่เนื้อหาของเอกสารนั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง”

          “ในฐานะตัวแทนของบริษัท ผมขอยอมรับผิดทั้งหมด และขอรับผิดชอบต่อการใช้ภาษาที่รุนแรงและหยาบคายต่อศิลปิน K-Pop รวมทั้งยังมีการเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน และการที่มีการบันทึกเนื้อหานี้ลงในเอกสาร ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ศิลปินและสมาชิกผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกเข้าใจผิด และได้รับความเสียหายจากการถูกตั้งข้อสงสัยจากข่าวกระแสเชิงลบที่ไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิงจากเอกสารนี้”

          “ผมกำลังติดต่อไปยังแต่ละบริษัทเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ เราขออภัยอย่างจริงใจต่อศิลปินทุก ๆ คนภายในบริษัท HYBE ที่ถูกวิจารณ์เพราะความผิดพลาดของบริษัท เราขอยอมรับว่า ผู้บริหารที่ได้เปิดเผยเอกสารฉบับนี้ ขาดความตระหนักต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และในฐานะผู้บริหาร เราได้สั่งหยุดการจัดทำเอกสารการตรวจสอบทันที เราขอสัญญาว่า จะจัดทำแนวทาง และเสริมความเข้มแข็งในระบบการควบคุมภายในไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก”

          “ผมขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้งต่อศิลปินและเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ต่อแฟนๆ และทุกคนที่รักและสนับสนุนเคป็อปในฐานะซีอีโอของบริษัท ให้คำมั่นว่าจะแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตอย่างละเอียดถี่ถ้วนผ่านการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง และการตรวจสอบตนเอง และจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมเคป็อปจะพัฒนาอย่างมีคุณภาพ โดยเคารพสิทธิของศิลปินและแฟนๆเคป็อป ทุกคนอย่างสูงสุด”

          ทั้งนี้ ตามรายงานของสื่อเกาหลีใต้ พนักงานที่รับผิดชอบในการร่างเอกสารดังกล่าว ได้ถูกปลดจากตำแหน่ง และย้ายไปทำงานให้กับทีมทรัพยากรบุคคลแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก

Naver ,Soompi ,Billboard

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube