Home
|
ภูมิภาค

“รองฯประเสริฐ” ห่วงอีสานเร่งขับเคลื่อนมาตรการแก้แล้ง

Featured Image

 

 

 

“รองฯประเสริฐ” ห่วงแล้งอีสาน ประเดิมลงพื้นที่โคราช เร่งขับเคลื่อนมาตรการแล้ง คุมเข้มแผนบริหารจัดการน้ำลำตะคอง สำรวจแหล่งน้ำต้นทุน ป้องกันพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง

 

 

 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พร้อมมอบนโยบายและพบปะประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้น ลงพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำตามมาตรการรองรับฤดูแล้งในจุดต่างๆ ได้แก่ สถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติ (ท่าช้าง) ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ, บ่อพักน้ำซับแห้ง บ้านซับศรีจันทร์ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ตามลำดับ

 

 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เนื่องจากในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาในพื้นที่มีปริมาณฝนตกน้อย ทำให้แหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ค่อนข้างน้อย รวมถึงอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่สำคัญในการผลิตน้ำประปาและการเกษตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การอยู่เพียง 28% จึงมีความจำเป็นต้องควบคุมแผนการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นอันดับแรก ดังนั้น การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานในการเร่งขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 ตามที่ สทนช. ได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำไว้ล่วงหน้า เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการเชิงป้องกัน ลดผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย รวมทั้งรับฟังปัญหาและอุปสรรคเพื่อนำไปกำหนดแนวทางการแก้ไขในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

 

 

“วันนี้ได้มอบหมายให้ สทนช. ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานการทำงานตามมาตรการอย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนป้องกันไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง หากเกิดผลกระทบกับประชาชนต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว พร้อมเร่งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ ซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อเก็บกักน้ำให้มากขึ้น รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เกษตรกรดำเนินการตามแผนเพาะปลูกพืชอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเฝ้าระวังปัญหาอัคคีภัยและไฟป่า และมอบหมายให้เทศบาลนครนครราชสีมา เร่งพัฒนาแหล่งน้ำสำรองเพื่อความมั่นคงด้านน้ำต้นทุน ในส่วนการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้มอบหมายให้จังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำ และภาคส่วนต่างๆ เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนถึงความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของกลไกการบริหารจัดการน้ำในเชิงพื้นที่ อันจะเป็นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน” รองนายกฯ กล่าว

 

 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคของชาวโคราช โดยเฉพาะพื้นที่ด้านเศรษฐกิจในตัว อ.เมืองนครราชสีมา ปัจจุบันมีการใช้น้ำประปาจาก 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักการประปาเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งจ่ายน้ำให้ประชาชนเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 87,500 ครัวเรือน และสถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติ(ท่าช้าง) การประปาภูมิภาคสาขานครราชสีมา จ่ายน้ำให้ประชาชนในพื้นที่นอกเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 46,000 ครัวเรือน

 

 

โดยระบบประปาเทศบาลฯ ใช้น้ำจาก 3 แหล่ง ประกอบด้วย ลำตะคอง ลำแชะ และลำน้ำมูล (อ่างเก็บน้ำลำตะคอง 47,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วัน ลำน้ำลำตะคอง 17,000 ลบ.ม./วัน อ่างเก็บน้ำลำแชะ 33,000 ลบ.ม./วัน และลำน้ำมูล 30,000 ลบ.ม./วัน) ส่วนสถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ ใช้น้ำจากลำน้ำมูลเป็นหลัก ปริมาณ 43,000 ลบ.ม./วัน โดยมีแหล่งน้ำสำรองคือ สระเก็บน้ำขนาด 4.1 ล้าน ลบ.ม. สำหรับใช้ในกรณีน้ำในลำน้ำมูลแห้งจนไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาได้ ซึ่งระบบประปาทั้ง 2 แห่ง ต้องใช้แหล่งน้ำดิบจากลำน้ำมูลประมาณ 73,000 ลบ.ม./วัน จากการรับฟังปัญหาพบว่า อ.เมืองนครราชสีมา ประสบปัญหาปริมาณน้ำต้นทุนจากลำน้ำมูลเพื่อผลิตน้ำประปามีไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube