โดย การประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือ เทียบเท่า ครั้งที่ 4/2567 ที่ กระทรวงการคลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมโดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เศรษฐกิจวันนี้เจอปัญหารุมเร้าหลายด้านทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานและความท้าทายใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจและการเมืองโลก ดังนั้นเราต้องแก้ไขปัญหาที่สะสมและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจของประเทศเพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไปข้างหน้า สร้างความเติบโต
โดยเครื่องมือที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจคือการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะงบประมาณการลงทุนที่มีมูลค่า 9.6 แสนล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 5 ของ GDP ประเทศ ขอให้ทุกคนในฐานะผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานร่วมกันผลักเม็ดเงินการลงทุนทุกบาทลงสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อสร้าง GDP ให้ประเทศและสร้างรายได้ให้กับประชาชน
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า นโยบายที่นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการนั้น มองจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ปี 2567 ขยายตัวที่ 2.7% จำเป็นต้องมีการกระตุ้น ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขณะนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา เป็นเพียงมาตราการระยะสั้นเพื่อให้กลุ่มเบาะบางอยู่รอด แต่มาตรการระยะกลาง-ยาว ก็ต้องทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ส่วนประเด็นมาตรการแก้หนี้ที่ กระทรวงการคลังได้หารือกับสมาคมธนาคาร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังต้องรอผลการสรุปอีกครั้ง
ซึ่งการเสนอการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน นายพิชัย บอกว่า หากมีความชัดเจนแล้ว ทุกฝ่ายเห็นด้วย ก็จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ต่อไปโดยยอมรับว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือก ตราบใดที่ช่วยแก้ไขปัญหาประชาชนได้ก็ยินดี ส่วนการจะนัดหารือกับสมาคมธนาคารไทยอีกครั้ง จะรีบหารือให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสรรหา เลื่อนการประชุมเพื่อสรรหาประธาน (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกไปเป็นวันที่ 11 พ.ย. จากเดิมในวันนี้และมีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนรายชื่อจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นนายพงษ์ภาษุ เศวตรุณ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าวส่วนจะมีการเสนอรายชื่อใหม่จริงหรือไม่นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ผู้ที่รับผิดชอบทั้งหมดจะต้องคุยกัน
ซึ่งในเรื่องนี้เป็นอำนาจของกรรมการสรรหา และกระทรวงคลัง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณา อย่างไรก็ตาม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเสนอรายชื่อใหม่ได้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งคลังและแบก์ชาติ เพื่อให้ทั้งหมดเดินหน้าไปตามกระบวนการ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews