นายกฯ พร้อม “ภูมิธรรม” เร่งเคลียร์ MOU44 ลั่น ต้องตั้งคณะกรรมการJTC ให้เสร็จ กลางพ.ย.นี้ หลัง “ฮุน มาเนต” ทวงถาม ยัน กัมพูชาพร้อมหนุนทุกเรื่อง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี MOU 2544 จำเป็นต้องนำเข้าสภาเพื่อหาข้อยุติก่อนจะเดินหน้าแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย- กัมพูชา หรือไม่ ว่า ตัว MOU 2544 ยอมรับว่า ยังไม่เคยเข้าสภาฯ เพียงแต่ยึดหลักการเจรจา ภายใต้ MOU 2544 ซึ่งเป็นหลักที่เสรีเพราะทั้งไทยและกัมพูชาตกลงร่วมกันที่จะเจรจา
ส่วนกรณีที่ตนเคยระบุว่าจะโดนกัมพูชาฟ้องหากใครยกเลิก MOU 44 นั้นตนขอชี้แจงว่า เรื่องฟ้องหรือไม่ฟ้องเกิดขึ้นได้ หากมีการยกเลิกฝ่ายเดียว เพราะฉะนั้นการที่เราพูดคุยกันระหว่างประเทศสำคัญมาก หากจะยกเลิกยกเลิกเพื่ออะไร และยกเลิกทำไม และหากยกเลิกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร คนไทยต้องคิดในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ควรจะมายกเลิกฝ่ายเดียว และทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ต้องมีการพูดคุยกันก่อนจึงอยากขอเวลาเพื่อที่จะไปพูดคุยกัน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรและได้มีโอกาส พูดคุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งทางผู้นำกัมพูชาได้ถามว่า มีอะไรที่จะให้ทางกัมพูชาสนับสนุนประเทศไทยหรือไม่ ก็ให้แจ้งมา ซึ่งตนบอกว่าเป็นเรื่องที่เราต้องสื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจมากกว่า ว่าเรายังไม่ได้เสียเปรียบอะไร ถึงแม้ว่าการขีดเส้นของ 2 ประเทศจะไม่เหมือนกัน จึงกลายเป็นที่มาของ MOU 2544 แล้วให้ไปเจรจากัน นี่คือสิ่งที่เราต้องทำต่อ และเชื่อว่าหลังจากกลับมาจากการประชุมเอเปค ในวันที่ 18 พ.ย.นี้การจัดตั้งคณะกรรมการทางเทคนิค ก็จะเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนได้แจ้งไปทางกัมพูชาแล้วว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการ ทางเทคนิคฝ่ายไทย? จะเสร็จสิ้นประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้และจะพูดคุยกันผ่านคณะกรรมการชุดนี้
ส่วนเมื่อ MOU ดังกล่าวยังไม่เข้าสภาฯถือว่ายังไม่สมบูรณ์ใช่หรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีได้หันไปสอบถาม นายภูมิธรรม ว่าสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ซึ่งนายภูมิธรรม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมยืนยันว่า MOU ดังกล่าวสมบูรณ์แล้ว เรื่อง MOUเป็นการพูดคุยกัน เพื่อให้ได้ข้อตกลงเรื่องไหล่ทวีป จึงไม่จำเป็นต้องเข้าสภาฯ
ซึ่งมีความสมบูรณ์ในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่หากได้ผลการเจรจาและมีอะไรที่เป็นสนธิสัญญาจะต้องเข้าสภาฯ คำว่าสมบูรณ์หมายถึงข้อตกลงร่วมกัน เพราะต่างฝ่ายต่างประกาศเขตแดนซึ่งไม่เหมือนกันต่างฝ่ายต่างมีเส้นเป็นของตัวเอง MOU44 ให้ทั้ง 2 ประเทศ มาพูดคุยกันว่าเส้นตรงนี้จะยึดเส้นใด เรื่องอธิปไตยมันยังไม่จบ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า MOUไม่ใช่ตัวชี้ว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร เพียงแต่เมื่อเส้นของสองฝ่ายไม่ตรงกันจึงต้องพูดคุยกัน และไม่จำเป็นต้องเข้าสภาฯ เป็นข้อตกลงทั้งสองประเทศเรียบร้อยแล้วและเข้าใจตรงกัน
ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาเป็นประเทศเดียวที่ไม่ได้ร่วมในสนธิสัญญาเจนีวาจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า สนธิสัญญาเจนีวา เขาประกาศกฎหมายทางทะเล ไม่ว่าคุณจะเข้าหรือไม่เข้าก็ต้องยอมรับสนธิสัญญานี้ และการเจรจาทั้งหมดก็ต้องยึดกรอบกฎหมายดังกล่าว
เนื่องจากมีผลครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก มองว่าไม่ใช่ปัญหา และในสนธิสัญญาได้ระบุชัดเจน เป็นสนธิสัญญาที่เป็นข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อมาเจรจาเรื่องเขตแดนโดยสันติ และหลังจากคุยกันแล้วได้ข้อสรุปอย่างไรค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าจะต้องรีบจัดตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทยก่อนเนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีอยู่แล้วก่อนที่จะเริ่มการเจรจา ซึ่งผูกพันอยู่ 2 ส่วนคือผลประโยชน์ทางทะเล และเขตแดนที่ชัดเจน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า การเจรจาแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล สามารถชะลอได้ เพื่อให้ข้อท้วงติงอื่นๆได้ข้อยุติ เพียงแต่การจัดตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทยจะต้องมีขึ้น หากไม่มี ฝ่ายกัมพูชาก็จะไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรกัน ยืนยันว่าเป็นเรื่องสำคัญเพียงเรื่องเดียวที่ต้องรีบเร่ง ส่วนเนื้อหาภายในไม่ต้องเร่ง ซึ่งตนได้พูดคุยกับทางกัมพูชา พูดตรงกันว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่ต้องพูดคุยให้ประชาชนเข้าใจซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน และมองว่าหากการจัดตั้งคณะกรรมการทางเทคนิคเสร็จ ทุกอย่างจะง่ายขึ้น มีการตรวจสอบได้ การพูดคุยของทั้ง 2 ประเทศก็จะเกิดขึ้น ข้อมูลที่ประชาชนอยากได้ก็จะครบถ้วนมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews