หนุ่มกลับจากกรุงเทพฯเข้ารับเกณฑ์ทหารที่ศรีสะเกษ ติดโควิด-19 เผยไทม์ไลน์เที่ยวห้างดัง-เดินตลาดนัด-กินหมูกระทะ
ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จังหวัดศรีสะเกษ เผยข้อมูล Time Line ผู้ติดซื้อโควิด-19 ศรีสะเกษ รายที่ 2 ของการระบาดระลอกใหม่ เป็นชายไทย อายุ 23 ปี อาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน ที่กรุงเทพมหานคร
- วันที่ 31 มี.ค. 64 ทำงานที่บ้าน (Work from home) ไปตลาดนัดรถไฟ ย่านรัชดา
- วันที่ 1 เม.ย. ไปร้านย่านรัชดา ต่อมาสถานที่ดังกล่าวได้ประกาศเป็นสถานที่มีการติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อน
- วันที่ 2-3 เม.ย. ทำงานที่บ้าน (Work from home) และไปวัด ย่านเยาวราช
- วันที่ 4 เม.ย. แวะกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า ย่านอโศก จากนั้นไปวัดย่านอ่อนนุช และไปห้างสรรพสินค้า ย่านสยาม ไปห้างสรรพสินค้า ย่านลาดพร้าว และไปตลาดนัด ย่านรัชดา
- วันที่ 5 เม.ย.64 ทำงานที่บ้าน (Work from home)
- วันที่ 6 เม.ย. เวลา 10.00 น. ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพ-ศรีสะเกษ นั่งแถวท้ายขวาสุด ตำแหน่ง 10D แล้วเริ่มมีอาการ ครั่นเนื้อครั่นตัว โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เวลา 20.00 น. ถึง บขส.ศรีสะเกษ แม่เดินทางมารับกลับบ้านที่ ต.ซำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยรถ จยย. และนอนพักที่บ้าน
- วันที่ 7 เม.ย. เวลา 06.30 น. เดินทางไปคัดเลือกทหารพร้อมกับแม่ ที่ที่ว่าการอำเภอเมืองศรีสะเกษ โดยได้รับการตรวจคัดกรอง จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาการปกติ โดยระหว่างการคัดเลือกทหาร ผู้ป่วยได้สวมใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลา จากนั้นช่วงค่ำ มีอาการไข้ เจ็บคอ จมูกเริ่มไม่ได้กลิ่น ทานยาลดไข้ นอนพักที่บ้าน
- วันที่ 8 เม.ย. เวลา 14.00-15.00 น. ไปทานกาแฟที่ร้านอาหารกับเพื่อน 4 คน ตรงข้ามไปรษณีย์เมืองศรีสะเกษ เวลา 16.00-18.00 น. ไปกินหมูกะทะกับเพื่อน 4 คน ที่ร้านหมูกะทะ ทางไปอุบลราชธานี เวลาประมาณ 18.00 น. ทราบว่า เพื่อนในที่ทำงานด้วยกัน ตรวจพบเชื้อโควิด-19 จึงกลับบ้าน และมารับการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ และรักษาตัวที่ โรงพยาบาลศรีสะเกษ
- กระทั่งวันที่ 9 เม.ย. เวลา 14.30 น. ผลตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจากการสอบสวนโรคพบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 10 คน คือ กลุ่มสมาชิกครอบครัว 3 คน กลุ่มญาติ 3 คน และกลุ่มเพื่อนที่ไปทานอาหารด้วยกัน 4 คน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news