Home
|
ข่าว

รัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด

Featured Image

 

 

 

รัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำ เฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล

 

 

 

 

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีโรคไอกรนระบาดในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประสานงานอย่างใกล้ชิดติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

 

พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังกลุ่มผู้ป่วยที่น่าเป็นห่วงคือเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ที่อาจจะได้รับวัคซีนไม่ครบหรือภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ และกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคปอด อุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หากได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรง

 

นายคารม กล่าวต่อว่า โรคไอกรนเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ระบบทางเดินหายใจ ที่พบมานานแล้ว ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ และมีวัคซีนป้องกัน โรคนี้สามารถติดต่อได้ผ่านการไอ จาม และการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าไป มักพบการระบาดในสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น

 

โดยสถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 13 พ.ย.2567 จากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล กองระบาดวิทยา พบผู้ป่วย 1,290 คน อัตราป่วย 44.74 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 2 คน อัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.16 พบรายงานผู้ป่วยมากที่สุดในภาคใต้

 

โดยเฉพาะเขตสุขภาพที่ 12 จำนวน 1,066 คน จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงที่สุด คือ ยะลา 575 คน รองลงมา ได้แก่ ปัตตานี 199 คน และนราธิวาส 198 คน ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงที่สุด คือ 0-4 ปี จำนวน 795 คน รองลงมา 5-9 ปี 144 คน และ 10-14 ปี 42 คน ตามลำดับ

 

ทั้งนี้อาการของโรคไอกรนคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ต่ำ น้ำมูกไหล และไอเบาๆ ซึ่งจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาการไอมักจะรุนแรงเป็นชุดจนผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยหรือหายใจไม่ทัน

 

ดังนั้น หากเด็กติดเชื้อในโรงเรียน ก็มีโอกาสสูงมากที่เชื้อจะแพร่กระจาย รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ ออกประกาศด่วนแจ้งเตือนสถานศึกษาให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไอกรน พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแล เฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวดที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและดูแลสุขภาพของนักเรียน ครู บุคลากร และผู้เกี่ยวข้องทุกคนให้ปลอดภัย

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube