สร้างความฮือฮาให้กับแฟนฟุตบอลเป็นจำนวนมาก กับการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกเมื่อบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาเป็นผู้ถือสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายใหม่แทนที่ของ TrueVisions ในฤดูกาลหน้า
JAS คือใคร มาจากไหน ทำไมถึงประมูลลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกัน JAS หรือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) คือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธุรกิจส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รับจัดหาออกแบบวางระบบโทรคมนาคม เป็นต้น โดยในปัจจุบันทาง JAS มีช่องทางฟรีทีวีหลักคือ ช่อง MONO 29 อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการ 3BB GIGATV อีกด้วย
โดยสาเหตุที่ JAS เข้ามาประมูลลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก เกิดจากความสนใจที่มีต่อฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาเป็นเวลานาน เพียงแค่ที่ผ่านมายังไม่มีความพร้อม แต่หลังจากได้เงินมาจากการขายธุรกิจ 3BB และ JASIF รวมทั้งสิ้นกว่า 32,420 บาท ทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้มาลงทุนยื่นประมูลได้
ซึ่งในสัญญาเบื้องต้นทาง JAS จะถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ แต่เพียงผู้เดียวเป็นระยะเวลา 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2024-25 จนถึง 2026-27 ก่อนที่จะขยายเป็น 6 ฤดูกาล หากได้รับการรับรองจาก FAPL โดยราคาสำหรับถือลิขสิทธิ์ 6 ฤดูกาล จะอยู่ที่ 549,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 18,791,885,700 บาท
มีหลายคนาจสงสัยว่าจะดูได้ช่องทางไหนบ้าง แฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสามารถรับชมได้ผ่านช่องทางหลัก คือ MONOMAX ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงออนไลน์ และทางช่อง MONO29ซึ่งเป็นฟรีทีวี ของ MONO NEXT PCL. ดังนั้นจะมีถ่ายทอดสดผ่านทาง ฟรีทีวี อย่างแน่นอนทางช่อง MONO29
นอกจากนี้ยังมีแนวทางในการจัดจำหน่ายผ่านทุก Network และ Mobile operators อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นทาง App Store (iOS) และ Google Store, AIS หรือ TRUE เพื่อสนับสนุนให้คอนเทนต์มีการเข้าถึงและครอบคลุมผู้ชมได้มากที่สุดโดยในปัจจุบันการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจะมีเพียง AIS PLAY ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรเพียงเจ้าเดียวเท่านั้นแต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตหากมีการพูดคุยกับพันธมิตรอื่นเพิ่มเติม
เมื่อถามราคาและคุณภาพจะเป็นอย่างไร ดร. โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเผยว่าราคาของแพ็กเกจจะถูกกว่าราคาตลาดปัจจุบันแน่นอน และนโยบายราคาเดียว ไม่ว่าจะรับชมผ่านทางช่องทางไหน ราคาแพ็กเกจเฉพาะการดูพรีเมียร์ลีกอย่างเดียว ราคาจะไม่สูงกว่า 400 บาท / เดือน
โดยที่คุณภาพการถ่ายทอดสด ทาง JAS พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชม ตั้งเป้าให้สัญญาณภาพคมชัดระดับ Full-HD และรองรับความละเอียดระดับ 4K ในบางแมตช์ ด้วยเทคโนโลยีการปรับAuto bit rate ตามความเร็วของอินเตอร์เน็ต และอุปกรณ์รับสัญญาณของผู้ชม อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบให้สามารถรับชมพร้อมกันได้ 4 จอ
ส่วนเรื่องทีมพากย์ ในเบื้องต้น ทาง JAS มีความตั้งใจที่จะสร้างทีมพากย์ใหม่ โดยได้มีการติดต่อเจรจากับสื่อกีฬามากมายทั้ง สยามกีฬา, ขอบสนาม, เมน สแตนด์, เดอะ สแตนดาร์ด สปอร์ต, วาทะลูกหนัง, NR SPORT, เจ๊ดำ, ตังกุย, แมวเพชร และวิเคราะห์บอลจริงจัง ฯลฯ ซึ่งข้อสรุปจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอติดตามชม
ฟากฝั่งของ ทรูวิชั่นส์ ได้ระบุว่า ได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ครั้งใหม่ประจำฤดูกาล 2025-2028 โดยได้ยื่นข้อเสนอไปในราคาที่เหมาะสม แต่มีรายอื่นที่เสนอราคาสูงกว่าและได้รับสิทธิ์ไป
อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ ยืนยันว่าสมาชิกยังสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ผ่านทุกช่องทางของทรูได้อย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ ผลจากการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น
ขณะที่ คุณองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดใจว่า ว่า “ผลจากการประมูลครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่นหรือความพึงพอใจของลูกค้าสมาชิก เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในคอนเทนท์ที่หลากหลายทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการความบันเทิงของสมาชิกทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังเดินหน้าพัฒนาบริการการรับชมผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเสริมประสบการณ์การรับชมคอนเทนท์ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกๆ วัน อย่างต่อเนื่องต่อไป”
ทั้งนี้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทย เกิดการเปลี่ยนมืออีกครั้ง จาก TrueVisions สู่ JAS คล้ายกับสมัยที่ CTH เคยถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทย ระหว่างฤดูกาล 2013-14 ถึง 2015-16 นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews