Home
|
ข่าว

มติ กมธ.ประชามติ คงเสียงข้างมาก 2 ชั้นแก้รธน.

Featured Image

 

 

มติ กมธ.ประชามติ คงเสียงข้างมาก 2 ชั้นแก้รัฐธรรมนูญ เตรียมส่ง สว.พิจารณา 16 ธ.ค.-สส.18 ธ.ค. ขณะที่ภูมิใจไทย งดออกเสียง

 

 

 

 

 

นายกฤช เอื้อวงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา แถลงผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า ที่ประชุม มีมติเสียงข้างมาก 13 ต่อ 9 เสียง ให้คงเนื้อหาหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ โดยใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double Majority ตามที่วุฒิสภาได้ปรับแก้

 

โดยผู้จะต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด และผลคะแนนจะต้องได้รับเสียงข้างมากด้วย และมีกรรมาธิการฯ งดออกเสียง 3 เสียง ได้แก่ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ, นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

 

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ นายกฤช ชี้แจงว่า กรรมาธิการฯ จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ เพื่อสรุปรายงาน ก่อนส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา บรรจุเข้าสู่วาระการประชุม เพื่อให้แต่ละสภาพิจารณาอีกครั้ง

 

โดยวุฒิสภา จะพิจารณาในวันที่ 16 ธันวาคม และสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากมีสภาใด สภาหนึ่ง ไม่เห็นชอบ กับการปรับแก้ของกรรมาธิการฯก็จะต้องพักร่างกฎหมายไว้ 180 วัน ก่อนส่งกลับให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาอีกครั้งว่า จะยืนยันตามเนื้อหาของสภาผู้แทนราษฎร หรือจะยืนยันตามการปรับแก้ของวุฒิสภา

 

ขณะที่ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา ยืนยันเจตนาของวุฒิสภา ในการปรับแก้ครั้งนี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ จึงอยากให้ประชาชนส่วนใหญ่ มาร่วมกันออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง สว. จึงยืนยันมติเดิม

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube