ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เตือนรัฐบาลอย่าแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเลในอ่าวไทยโดยมีวาระซ่อนเร้น รับกังวลกับความเห็นของประชาชน ต่อ ปัญหา MOU 44
3. 25 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยย้ำว่าเกาะกูดเป็นของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ประเทศ เตรียมนั่งประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ดึงสภาพัฒน์ฯ กฤษฎีกา ร่วมประชุมแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล
4. ก่อนหน้านั้น เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้นำอาวุโสทางการเมืองซึ่งมีอำนาจสูงสุดทางพฤตินัยของประเทศเพื่อนบ้าน คือ สมเด็จฮุนเซน ได้เดินทางมาพบกับ ดร.ทักษิณฯ ที่บ้านพัก ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็นนักโทษ
จากกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปได้ว่า มีการหารือตกลงในเรื่องดังกล่าวจนนำไปสู่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณฯ
อย่างไรก็ตาม พรรคไทยสร้างไทยจึงเห็นว่า ยังไม่ควรมีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ในทรัพยากรใต้ทะเลขณะนี้ จนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทุกอย่างเป็นไปโดยสุจริตใจ ถูกต้อง และเป็นธรรมตามหลักกฎหมายสากล เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตอบสนองผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก
ขณะเดียวกันขอให้นำพระบรมราชโองการที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 18 พฤษภาคม 2516 ในเรื่องดังกล่าวมาเป็นหลักสำคัญในการกำหนดกรอบนโยบายการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะพระบรมราชโองการนั้นได้กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยมูลฐานกฎหมายระหว่างประเทศไว้แล้ว และการแบ่งปันผลประโยชน์จะต้องกระทำโดยรอบคอบ ไม่กระทบต่ออธิปไตย ทั้งต้องมีความชัดเจนโปร่งใสว่าเป็นไปโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น
นอกจากนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาราคาพลังงานที่ประชาชนจำต้องแบกรับภาระในอัตราที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นเช่นในปัจจุบัน ก็จะต้องเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้าให้มีราคาถูกลง ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชนเสียก่อน
โดยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยข้ออ้างที่ว่าจะได้นำทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้เลยหากไม่ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงในฐานะเจ้าของทรัพยากรของประเทศ
ซึ่งขณะนี้กำลังเจ็บปวดและหนักหนาสาหัส กับการที่จะต้องซื้อน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าใช้ในราคาแพง ทั้ง ๆ ที่ทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานของไทยเรามีอยู่อย่างมากมาย และยังมีเหลือส่งไปขายต่างต่างประเทศ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชน มากกว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews