Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

กรี๊ด! ทองขึ้นแล้ว

 

 

ใจหายใจคว่ำมาได้พักใหญ่สำหรับราคาทองที่ร่วงลงแรง ล่าสุด ดีดตัวขึ้นแล้ว ทั้งใน GOLD SPOT และตลาดในประเทศ โดยได้ปัจจัยหนุนจากสงครามรัสเซีย ยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หลังจากที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรอนุมัติให้ยูเครนใช้อาวุธขั้นสูงจากชาติตะวันตกในการโจมตีดินแดนรัสเซีย ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

 

โดยวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ราคาทองในประเทศปรับขึ้น 400 บาท ถัดมาวันอังคารที่ 19 ปรับขึ้นอีก 350 บาท, วันพฤหัสบดีที่ 21 ปรับขึ้น 600 บาท, วันศุกร์ที่ 22 ปรับขึ้นอีก 550 บาท ส่วนวันพุธที่ 20 และ วันเสาร์ที่ 23 ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

ล่าสุด ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ทองคำแท่ง รับซื้อ 44,150 บาท ขายออก 44,250 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 43,357 บาท 60 สตางค์ ขายออก 44,750 บาท

 

 

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับนายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” ถึงแนวโน้มราคาทองนับจากนี้ โดย “นายจิตติ” กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองในประเทศปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 2,000 บาทต่อบาททองคำ ใกล้เคียงกับราคาทองก่อนหน้านี้ที่ร่วงลงแรง หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ชนะ “นางกมลา แฮร์ริส” นอกจากนี้ ราคาทองยังปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

“อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ขึ้นมาแล้วเกือบ 2,000 บาทแล้ว มันก็ใกล้เคียงก่อนหน้าที่ทรัมป์ที่มีการเลือกตั้งแล้วรู้ผลว่าทรัมป์ได้แล้วก็ลดลงมา 2,000 กว่าตอนนี้ก็ขยับขึ้นมาใหม่ แต่ทีนี้มองในระยะกลาง ระยะยาว ระยะสั้น ผมว่าช่วงนี้นอกจากว่าสงครามยูเครนรัสเซียอุณหภูมิสูงขึ้นมา เพราะฉะนั้นมองในเหตุผลพวกนี้มองว่าราคาทองมีโอกาสที่จะขึ้นไป ถ้าเกิดรัสเซียยิงโต้ตอบไปแรงๆ ผมว่าอาจจะขึ้นแรงๆด้วย” และก็สถานภาพพิเศษของไทยที่มีอยู่แล้ว ก็คงต้องมีการกระชับและต้องมีการปรับและผลักดันให้ภาคเอกชนเข้าไปพูดคุย”

 

 

ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลของนโยบายกีดกันทางการค้า และการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ 2 จะทำให้โครงสร้างและพัฒนาการของระบบการค้าเสรีของโลกเปลี่ยนแปลงไป โลกาภิวัตน์จะไม่เหมือนเดิม และคาดว่าประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจีนก็จะตอบโต้ทางการค้า และมองว่าสงครามการค้ารอบนี้ จะมีประเทศที่ได้ประโยชน์ ประเทศที่เสียประโยชน์แตกต่างกันไปตามโครงสร้างการค้าและเศรษฐกิจของประเทศนั้นรวมทั้งยุทธศาสตร์และความสามารถในการตอบสนองต่อความท้าทายนี้

 

 

ดังนั้นไทยจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจให้พึ่งพาตัวเองมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนการผลิตโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเองมากขึ้น พัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองมากขึ้น ระบบการค้าโลกจะเป็นเรื่องของการต่อรองและการตอบโต้กันไปมา มากกว่าการทำกฎระเบียบที่ตกลงกันไว้มาเป็นกรอบในการดำเนินการทางการค้า

 

ด้านธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี68 ยังเผชิญความไม่แน่นอน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะข้างหน้า โดยเฉพาะสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังจีน รวมถึงการแย่งตลาดต่างประเทศและการเข้ามาตีตลาดจากจีน ความไม่แน่นอนข้างต้นเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการจีดีพีไทยซึ่งอาจต่ำกว่าคาด

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตานโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อแน่ว่าหลังจากที่เขาได้เข้าพิธีสาบานตนตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 จะต้องมีเซอร์ไพรส์ให้ทั่วโลกต้องตะลึงอีกอย่างแน่นอน และที่สำคัญผลลัพธ์จากการที่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” เพื่อแสดงความยินดีที่ชนะเลือกตั้ง และได้ย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ก็จะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สหรัฐและไทยจะสนับสนุนร่วมมือกันอย่างไร เพราะสุดท้ายย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube