ประชุมครม.ที่ขยับจากวันนี้(26พ.ย.)ไปรวบยอดการประชุมครม.สัญจรที่เชียงใหม่ 29 พ.ย.พอจะทำให้ผู้คนในรัฐบาล พอหายใจหายคอกลับไปทบทวน “แรงต้าน” ปมMOU44 ที่ทำท่าจะบานปลายไปสู่การนำม็อบลงถนนของ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ที่นัดจะมาทำเนียบวันจันทร์ที่ 2ธ.ค.ตามคำเปรยของ “หลานอิ๊งค์” ที่เคยพูดไว้หลายวันก่อนว่าพร้อมคุย
โดยเฉพาะ การที่รัฐบาลจะนำเรื่องตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคหรือ JTC เพื่อจัดสรรผลประโยชน์ร่วมกันทางทะเล ระหว่างไทยและกัมพูชา เข้าพิจารณา ที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะ “กลุ่ม คปท.” ที่เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ตั้งท่าขวางการนั่ง “หัวโต๊ะ”ของ “รองนายกฯอ้วน-ภูมิธรรม” ที่พวกเขาไม่ไว้ใจเพราะใกล้ชิด “ศูนย์อำนาจ”บ้านจันทร์ส่องหล้า
แม้ “รัฐบาลอิ๊งค์” โดย “ทักษิณ”และ “พรรคเพื่อไทย”จะพยายามสะท้อนให้เห็นถึง“สัญญาน” จาก “ผู้มีอำนาจที่กุมดีล”ยังต้องการใช้บริการเขามากกว่า “พรรคร่วมรัฐบาล”บางพรรคที่กำลัง “แลกหมัด”กับเพื่อไทยทั้งโหมดบริหารบ้านเมือง นิติสงครามเขากระโดง สนามกอล์ฟอัลไพน์ และ โหมดการเมืองชิงพื้นที่เลือกตั้งท้องถิ่นผ่านภาพการรอดจาก ปม6พฤติกรรม “ล้มล้างการปกครอง”ที่ “ธีรยุทธ์”ทนายวัดอ้อน้อยที่แตะมือกับ “ไพบูลย์” นักร้องค่ายบ้านป่าฯไปยื่นร้อง จนที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง(22พ.ย.)ใน 5 ปม แต่มติ “ไม่เอกฉันท์”ในปมที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ”กับ “ฮุนเซน”ที่โยงเรื่องMOU44 อันมีตุลาการ 2 ท่าน เห็นว่า “มีน้ำหนัก”
โดยมีการวิเคราะห์กันก่อนหน้าว่า “รัฐบาลอิ๊งค์”ยังมีปมในบรรดา6ปมเดียวกัน ที่ค้างอยู่ใน “องค์กรอิสระ”อื่น ๆ ที่ยังคงดำเนินต่อไปตามขั้นตอน เช่น คดี “ทักษิณ”ครอบงำพรรคการเมืองทั้งเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจากปม “ถกตั้งรัฐบาลและนายกฯที่บ้านจันทร์ส่องหล้า” และ“วิชชั่นทักษิณ”บนเวทีดินเนอร์ทอล์คที่กลายเป็นนโยบายรัฐบาล อยู่ใน กกต. คดีคนชั้น14 ใน ปปช. แต่จากประเด็นที่ยังมี “น้ำหนัก”ในข้อ 2 ที่ “ธีรยุทธ์” ยื่นไหวต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการเชื่อมต่อภาพความเคลื่อนไหวทั้งจาก “ม็อบสนธิ”นำโดย “สนธิ”และ “ปานเทพ” ที่กำลัง “มือขึ้น”จากปฎิบัติการจัดการขบวนการ “ทนายแอดเวนเจอร์”อย่าง “ทนายตั้ม” หันมาเคลื่อนการเมืองเปิดเวที “เผาหัว”ปมMOU44กันที่ “ม.ธรรมศาสตร์”เมื่อวานซืน จนนำมาสู่การประกาศจะมาหา “นายกอิ๊งค์”วันที่ 2 ธ.ค. เพื่อถามเรื่องMOU44 พร้อมๆกับการปลุก “มวลชนพันธมิตร”ที่ยังเป็นFC เตรียมพร้อมการลงถนนหากรัฐบาลไม่สนใจ
ที่ไม่แต่ “ม็อบสนธิ”ที่เคลื่อนไหว ก่อนหน้านี้ยังมีการเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มสังคมทั้งกลุ่มอีลีค กลุ่ม เทคโนแครตที่เคยอยู่ในแนวร่วมเดียวกันกับการ “ต้านระบอบทักษิณ”ในอดีต ที่ยังมีปม “คาใจ”กับ “รัฐบาล” เรื่องการไปแทรกแซง “แบงค์ชาติ”จากความพยายามตั้ง “กิตติรัตน์”เป็นประธานบอร์ดแบงค์ชาติ ที่จะต้องมีการนำเรื่องนี้รวมถึงเรื่องการตั้งคณะกรรมการJTCเข้าครม.ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้ง 2 เรื่องถูก “ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล” ท้าทายและจับตาว่าทั้ง “ทักษิณ”และ “นายกฯอิ๊งค์”จะกล้า “ลุยไฟ”หรือไม่
ยิ่งเมื่อปรากฏความเคลื่อนไหว คู่ขนานจาก “นักร้อง”อย่าง “เรืองไกร”ที่กลับมาปรากฏตัวบนหน้าปัดข่าวส่งหนังสือขอให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีการออกมาพูดของ“นายกอิ๊งค์”ปม MOU 44 จะส่งผลให้ ความเป็นรัฐมนตรีของ “นายกฯอิ๊งค์” มีเหตุสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5)มาตรา 160 (5) ประกอบมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 หรือไม่ โดย ให้กกต.ตรวจสอบใน 5 ปมทั้ง การเปิดเผยของ “นายกอิ๊งค์” เรื่อง MOU 44 วันที่ 4 พ.ย.67 ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 6 จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. ตรวจสอบการกระทำ โดยให้ตรวจสอบผลการหารือพรรคร่วมรัฐบาล
ว่า มีจริงตามที่ “อุ๊งอิ๊ง” เปิดเผย หรือไม่ พรรคใดที่เห็นด้วยบ้าง มีการลงนามกันไว้หรือไม่ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
