นายกฯ แถลงผลงาน 90วัน ย้ำทุกคนคือทีมเดียวกัน วางรากฐานที่แข็งแกร่งให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ยืนยันปี 68 นโยบายดีๆมาแน่ ลดค่าไฟฟ้า-ดิจิทัลวอลเล็ต-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และการมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรี, หัวหน้าส่วนราชการ, ผู้นำเหล่าทัพ เข้าร่วมงานจำนวนมาก
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 90 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาจนมาถึงวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการปรับตัว ปรับการทำงานไม่ว่าจะเป็นตนเองคณะรัฐมนตรีและเพื่อนข้าราชการทุกคน เพื่อหาแนวทางกันว่า การทำงานแบบใดที่จะสามารถอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ต่อนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้จริง ซึ่งวันนี้ทุกคนคือทีมเดียวกัน วันนี้เรากลับมาแล้ว เราเป็นรัฐบาลที่ร่วมมือกันทำงานเพื่อความแข็งแรงมองไปข้างหน้าเพื่ออนาคตของประเทศไทย การทำงานจะเดินหน้าอย่างมั่นคง รัฐบาลจะหวังรากฐาน วางโครงสร้างที่สำคัญ ให้ประเทศไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอย่างที่ตนเคยกล่าวไป
ภาพปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสที่จับต้องได้รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม จะสร้างสิ่งที่คนที่คิดว่า เป็นแค่ความฝันให้เกิดขึ้นจริงได้ ทำให้มีนโยบายของเรา แน่นอนว่าที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งในประเทศประเทศไทย ทางด้านการเมืองมากกว่า 20 ปี ซึ่งวันนี้ทุกคนพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาแรกสถานการณ์อุทกภัยและภัยแห้งแล้ง หรือดินโคลนถล่ม ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลจึงจ่ายเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่าการเยียวยาจะสามารถช่วยประคับประคองประชาชนให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้ว่าปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งจะมีมาเป็นเวลายาวนาน แต่ปัญหาดังกล่าวยังไม่เคยถูกแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ซึ่งสิ่งที่ต้องแก้ไขไปอย่างแรก คือการเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้น้ำมีทางออก สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ และช่วงของน้ำแล้งก็ต้องมีการบริหารจัดการให้เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค รวมไปถึงการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
ปัญหาต่อมาคือปัญหาฝุ่น pm 2.5 ซึ่งจะต้องมีการตั้ง KPI ให้มีตัวเลขฝุ่นน้อยลง ด้วยการลดเผาไล่เผาพืชพื้นที่ทางเกษตรต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นพื้นที่ภาคเหนือที่ได้ลดพื้นที่การเผาไหม้ไปถึง 50 % และเรามีนโยบายไม่รับซื้อพืชผลการเกษตรที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผา ซึ่งเรื่องนี้ต้องจริงจังมากขึ้น
ขณะที่ปัญหายาเสพติดที่เคยลดน้อยลงไปช่วงหนึ่ง แต่ว่าขณะนี้กลับมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ลูกหลานอนาคตของชาติไม่ปลอดภัย ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลจะเอาจริงแล้วเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบและสังเกต ซึ่งรัฐบาลจะทำแพลตฟอร์ม ที่สามารถแจ้งเบาะแสการขายยาเสพติดได้ ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าว จะส่งข้อความตรงมาที่นายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมไปถึงการใช้โมเดล จากท่าวังผา จังหวัดน่าน เพื่อกวาดล้างยาเสพติดให้เป็นจังหวัดสีขาว ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา
นอกจากนี้รัฐบาลมีความเชื่อการทำลายทุนผูกขาด ไม่ว่าจะภาครัฐหรือภาคเอกชน เพราะการผูกขาดทุกชนิดทำให้ประชาชนยากจนลง เช่น ข้าว ซึ่งรัฐบาลจะปลดล็อคเรื่องนี้ให้เกษตรกรทุกคนสามารถส่งออกข้าวเองได้เกิดการสร้างธุรกิจ SME นอกจากนี้ได้สั่งการไปทุกกระทรวง ไปแก้ไขกฎระเบียบ กฎหมาย ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน
ส่วนเรื่องของพลังงานไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซ โดยค่าพลังงานในปีหน้าจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องสุราชุมชนที่ต้องการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้สร้างสรรค์สร้างธุรกิจของตนเอง แต่เนื่องจากมีกฎหมายเป็นจำนวนมากที่มากำจัดความคิดสร้างสรรค์ตรงนี้
สำหรับปัญหาธุรกิจนอกระบบ ซึ่งจะต้องนำกลับเข้ามาสู่ในระบบให้ได้ เข้าสู่ระบบภาษี สิ่งที่อยู่ใต้ดินเอาขึ้นมาอยู่บนดินให้ได้ เพราะธุรกิจใต้ดินมีมูลค่ามากกว่า 49% ของจีดีพีไทยซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทำให้เป็นช่องทางของมาเฟีย และเกิดคอรัปชั่นต่าง ๆ มากมาย และรัฐบาลไม่สามารถปกป้องดูแลประชาชนได้ เพราะรัฐบาลมองไม่เห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีนโยบายดีๆ มากมายหลายรัฐบาล หลายยุค หลายสมัย ซึ่งตนเองต้องการสร้างนโยบายดี ๆให้กับประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนนายกฯไปกี่คน กี่รัฐบาล แต่นโยบายดี ๆ จะยังคงอยู่กับประเทศไทยและประชาชน ซึ่งทุกนโยบายที่เกิดขึ้นหลังจากปี 2568 จะเป็นนโยบายจากที่เคยใช้อดีตกลับมาใช้ โดยก็คือ นโยบายหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน เพื่อสนับสนุน การศึกษาสร้างโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียม ซึ่งโครงการนี้จะใช้เงินจากกองสลากเพื่อสนับสนุนเด็กไทยในระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนให้เด็กไทยไป Summer Camp
เพราะการที่ทำให้เด็กไทยไปเรียนที่ต่างประเทศ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เชื่อว่าจะได้ประโยชน์มากมาย และนอกจากนี้จะมีการอัพเกรดโรงเรียนประจำอำเภอ เพิ่มหลักสูตรการสอนภาษา การอบรมหลักสูตร AI ซึ่งทั้งหมดนี้จะเริ่มให้ลงทะเบียนในปี 2568 นี้
นอกจากนี้ยังจะมีโครงการ SML ที่ต้องการกระจายอำนาจสู่ชุมชน และนโยบายให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Lone) เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ SME
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่หลายคนถามว่าจะมากี่โมง ไม่รู้แต่ตอนนี้มาแล้ว คือสายสีแดงกับสายสีม่วง ซึ่งอยากให้คุณคนไทยทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้า ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปี 2568 อย่างแน่นอน
ขณะที่เรื่องของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลมีความเชื่อมั่นมาเสมอว่าจะต้องมีการเติมเงินเข้าไปในระบบ เพราะว่าเงินในระบบไม่พอ จึงมีความจำเป็นที่ต้องเติมเงินเข้าไป ซึ่งรัฐบาลได้เติมเงินเข้าไปแล้ว หนึ่งครั้งในกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 14 ล้านคน ส่งผลให้จีดีพีสูงขึ้นในไตรมาส 4 เกิน 3% อย่างแน่นอน และเฟสต่อไปคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปก็จะมีอยู่จำนวนประมาณ 4,000,000 คนจ่ายเงินได้ภายในตรุษจีนปี 68 ยืนยันว่า ไม่ได้มาในรูปแบบของซองอั่งเปา แต่มาในรูปแบบเงินสด
ส่วนสาเหตุที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ให้เงินสดในเฟสต่อไป เพราะต้องการให้เศรษฐกิจท่านเข้ามามีบทบาท และมีการเชื่อมต่อระหว่างประชาชนกับรัฐบาลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เงินเยียวยาน้ำท่วม หากระบบดังกล่าวทำแล้วเสร็จจะทำให้การเชื่อมต่อประชาชนกับรัฐบาลรวดเร็วขึ้น ซึ่งเฟส 3 ก็จะเกิดขึ้นในปี 2568 อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews