DSI สั่งฟ้อง 18 บอสดิไอคอนฯ หลังพยานหลักฐาน คำแก้ข้อกล่าวหาล้วนรับฟังไม่ขึ้น พฤติการณ์ชัดเจนแผนธุรกิจเน้นหาสมาชิกมากกว่าการเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้า
วันนี้ (20 ธ.ค. 67) ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคดีดิไอคอน ว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษา โดยที่ประชุมได้มีความเห็นว่าการสอบสวนในคดีนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเสร็จสิ้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติแล้ว มีการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมาย มีการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของทุกฝ่าย และการแก้ข้อกล่าวหา ทำให้ที่ประชุมมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย
และอีก 1 นิติบุคคล คือบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ , พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ซึ่งดีเอสไอจะได้นำส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ ยังจะได้แยกสำนวนออกเป็นอีกหนึ่งสำนวน เพราะพบความผิดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 18 รายถูกสั่งฟ้องร่วมกันทั้งหมด ซึ่งการมีมติสั่งฟ้องในวันนี้ เนื่องด้วยคณะพนักงานสอบสวนได้นำการแก้ข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ของผู้ต้องหามาพิจารณาทั้งหมด รวมถึงสำนวนการสอบปากคำของพยานของผู้ต้องหาด้วย ซึ่งจำนวนพยานของผู้ต้องหาที่เราได้นำเข้าสำนวนมีประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิก เป็นเครือข่ายของดิไอคอนฯ และเป็นรายที่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบรรดา 18 บอส
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า ทั้ง 18 ผู้ต้องหาได้มีการส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครบทุกราย ส่วนรายละเอียดคำให้การ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนข้อเน้นย้ำที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องนั้น คือ มีลักษณะพฤติการณ์แผนธุรกิจเน้นหาสมาชิกมากกว่าการเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้า เนื่องจากเราได้มีการตรวจดูเรื่องรายได้
ส่วนใหญ่มาจากการที่ขายสินค้าให้กับหมู่สมาชิกด้วยกัน ซึ่งจำนวนสินค้าที่ไปยังผู้บริโภคนั้นมีจำนวนน้อย แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายประเด็นเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยรายละเอียดภายในสำนวน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึงการเก็บสินค้าในสต๊อกโกดังมีจำนวนจริงเท่ากับจำนวนลูกค้าหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ได้มีการสอบสวนเข้ามาในสำนวนเรียบร้อยแล้ว
ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมพิจารณาคดีความผิดนอกราชอาณาจักร ก็ยังคงเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิม คือ 18 ราย และ 1 นิติบุคคล แต่ขณะนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพียงเพิ่งเริ่มต้นการสอบสวนคดีดังกล่าว ดังนั้น ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้มีการส่งสำนวนหลักไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้ว เราจึงจะเริ่มดำเนินการในส่วนของสำนวนความผิดนอกราชอาณาจักร จึงขอประชาสัมพันธ์ว่าหากมีผู้เสียหายรายใดที่อยู่ต่างประเทศใดก็ตาม ต้องการประสงค์ที่จะดำเนินคดีก็สามารถมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จำนวนเอกสารหลักฐานที่คณะพนักงานสอบสวนได้มีการประชุมหารือพิจารณาก่อนมีมติเอกฉันท์สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ปรากฎจำนวนเอกสารมากกว่า 300,000 แผ่น ความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ และจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews