Home
|
ข่าว

ส่งออกอัญมณีฯ พ.ย.67 ขยายตัว 16.69%

Featured Image

 

 

 

ส่งออกอัญมณีฯ พ.ย.67 ขยายตัว 16.69% ทองคำยังโตแรง 174.67% หลังทำนิวไฮ คาดทั้งปีเป็นบวกแน่ จากเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น แต่ปี 68 มีหลายปัจจัยให้จับตา ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว “ทรัมป์” ขึ้นภาษี

 

 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน พ.ย.2567 มีมูลค่า 826.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.69% กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง หลังจากติดลบก่อนหน้านี้ 2 เดือนติดต่อกัน และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,512.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 57.87% ส่วนยอดรวม 11 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 8,611.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.30% หากรวมทองคำ มูลค่า 16,924.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.86%

 

 

สำหรับการส่งออกทองคำเดือน พ.ย.2567 มีมูลค่า 686.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 174.67% แม้ว่าราคาทองคำตลาดโลกจะปรับตัวลดลง จากที่ทำสถิติสูงสุดได้ในเดือน ต.ค.2567 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนยอดรวม 11 เดือน ส่งออกทองคำมีมูลค่า 8,312.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 49.42%

 

 

ส่วนตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้น โดยฮ่องกง เพิ่ม 5.98% สหรัฐฯ เพิ่ม 14.82% อินเดีย เพิ่ม 45.37% เยอรมนี เพิ่ม 10.64% อิตาลี เพิ่ม 3.23% เบลเยี่ยม เพิ่ม 22.01% ญี่ปุ่น เพิ่ม 5.22% ส่วนสหราชอาณาจักร ลด 4.51% สวิตเซอร์แลนด์ ลด 7.20% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลด 6.94%

 

 

 

 

นายสุเมธ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ในเดือน ธ.ค.2567 คาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี และทั้งปี การส่งออกน่าจะเป็นบวก โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกฟื้นตัว มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งผู้ประกอบการไทย มีการพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ ที่กลายเป็นช่องทางสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย และสินค้าไทยมีการพัฒนาตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยเฉพาะสมาร์ทจิวเวอรี และหลาย ๆ แบรนด์มีการพัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์หรือเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัด สร้างอีเวนต์พิเศษหรือแคมเปญที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับความรู้สึกหรูหราเฉพาะตัว ทำให้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ มีปัจจัยที่จะต้องติดตาม ทั้งเศรษฐกิจของประเทศหลัก ๆ การดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ยของเฟด และการเข้ามารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับการนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกและจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง (20 ม.ค.2568)

 

 

รวมทั้งยังมีการคำนวณภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ รวมทั้งกลุ่ม BRICS ซึ่งอาจทำให้การค้ากับสหรัฐฯ ในปีหน้ามีความยากลำบากมากขึ้นจากกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ทั้งยังมีความผันผวนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่แน่นอน

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube