“อิ๊งค์” โชว์ ปั้นเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาใกล้ชิดสำหรับตัวเลข “GDP” หนึ่งในดัชนีชี้วัดฝีมือของรัฐบาลในการบริหารประเทศ เพราะในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 สภาพัฒน์จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ปี 2567 และแนวโน้มปี 2568
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน ระบุว่า การที่เศรษฐกิจช่วงเดือนธันวาคมชะลอตัวลงจากพฤศจิกายนอาจส่งผลกระทบต่อคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4 ปี 2567
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2567 จากขยายตัว 2.7% เหลือเพียง 2.5% ส่วนปี 2568 ยังคงประมาณการ GDP ไว้ว่าจะขยายตัวที่ 3% ซึ่งการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2567 ของสศค.นั้น ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สะท้อนภาพว่า แรงส่งของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่อาจอ่อนแอกว่าคาด สาเหตุสำคัญมาจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัว โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ที่ลดลง ดังนั้นต้องรอติดตามการประกาศตัวเลข GDP จากสภาพัฒน์ฯ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการบริหารประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย โดย “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ล้วนเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ และยืนยันว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีเสน่ห์อยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจให้ได้จริง ให้กลับไปโตได้เกิน 3% ซึ่งก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้
ถ้าถามว่าเสน่ห์ยังมีไหม ยังมีอยู่ เพราะว่าหลายๆบริษัท ใน 900 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็มีความน่าสนใจในระยะยาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องเชื่อมเศรษฐกิจด้วย คือถ้าเศรษฐกิจเรายังโตในระดับ 2-3% มันก็เป็นการยากที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้โต ในระดับที่ถูกใจของนักลงทุน แต่ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่เราเห็นต่อกัน 4% 5% 7% ก็มีหรือประเทศในแถบพัฒนาแล้วเค้าก็ยังสามารถเติบโตได้ในระดับแบบของเรา ทั้งๆที่เค้าก็มีฐานเศรษฐกิจที่สูงก็ตั้งเยอะ ตรงนี้ผมคิดว่าระยะยาวเสน่ห์ยังมีอยู่แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ต้องสามารถฟื้นเศรษฐกิจให้ได้จริง ให้กลับไปโตได้เกิน 3% จริงแบบต่อเนื่อง แล้วก็สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างระยะยาว ด้วยการสร้างความมั่นใจก่อน ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ”
และสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 ล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง “นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ยอมรับว่า เศรษฐกิจในปีนี้มีความผันผวน และการรักษาเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมั่นใจว่า ปีนี้ 2568 จะรักษาการเจริญเติบโตของ GDP ไว้ได้ที่ระดับ 2.5-3.5% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 3% ซึ่งจะมาจากการออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สำหรับระยะถัดไปคาดหวังนโยบายการคลัง จะยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 เพราะมีเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เฟส 3 แต่อย่างไรก็ตาม หากจบไตรมาส 2 ไปแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านนโยบายการคลัง อาจแผ่วลง ทำให้คาดหวังว่าจะเห็นการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อจะได้เข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยง TRADE WAR ที่มีแนวโน้มดุเดือดขึ้น และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งเชื่อมโยงกับตัวเลข GDP อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือหนึ่งดัชนีชี้วัดความสำเร็จในการเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews