Home
|
อาชญากรรม

“ทรัมป์” กร้าว สะเทือนไทย

 

น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับความดุดันของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ล่าสุด ประกาศกร้าวเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ 25% มีผลบังคับใช้ 2 เม.ย. 2568

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศไม่ได้นิ่งเฉยต่อมาตรการดังกล่าว ทั้งออกมาคัดค้านเล็งตอบโต้กลับรวมถึงจำยอมให้แก่สหรัฐฯ เพื่อลดแรงกระแทกและสำหรับประเทศไทย ต้องยอมรับว่า นี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยซึ่งเกิดขึ้นในห้วงจังหวะที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

 

โดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ ถือว่า มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยย่างยิ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม คิดเป็น 25.1% ของ GDPและอ้างอิงจาก แบงก์ชาติ การผลิตในธุรกิจยานยนต์มีสัดส่วน ต่อ GDP ที่ 2%ดังนั้นเมื่อพิจารณาตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการผลิตสูงถึง 6.6 ล้านคน

 

 

ซึ่ง EEC ประเมินว่าปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานกว่า 8.5 แสนคน ทำงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ครอบคลุมทุกขั้นตอน การผลิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.8% ของการจ้างงานภาคการผลิต และ 2.1%ของผู้ที่มีงานทำ ซึ่งการปรับขึ้นภาษี รถยนต์เช่นนี้ อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการว่างงานสูงขึ้นและกระทบต่อการบริโภคได้

 

 

 

นอกจากนี้ หากพิจาณาอัตราภาษีศุลกากรโดยเฉลี่ยจากทุกสินค้าของสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 3.3%โดย BLOOMBERG ประเมิน การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจผลักให้อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯพุ่งขึ้นไปแตะ 35% ซึ่งจะเป็นเหตุในการกระตุ้นเงินเฟ้อ พร้อมกับกดดันเศรษฐกิจชะลอตัวได้สอดรับกับมุมมองของ “นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์” ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.ที่ให้ความเห็นกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ ย่อมมีผลกระทบต่อ อุสาหกรรมยานยนต์ไทยและกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน

 

 

 

“ก็ถือว่าส่งผลมาก ตอนแรกที่ออกข่าวก็คือ เรื่องของรถยนต์อย่างเดียว 25%ตอนนี้ที่หลังสุดเห็นบอกว่า จะมีเรื่องของพวกชิ้นส่วนอะไรต่างๆ เข้าไปด้วย ตรงนี้ก็ยิ่งสะเทือนหนักเพราะเราส่งออกมากกว่ารถยนต์นั่ง ที่เราส่งไปอเมริกา อันนี้จะส่งผลทั้งหมดเลย เดิมก็คิดกังวลอยู่แล้วในเรื่องชิ้นส่วน ที่ถ้าเขาขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากประเทศคู่ค้า ที่เราส่งพวกชิ้นส่วนไปที่เขาเยอะก็อาจจะกระทบกับการส่งออกชิ้นส่วนของเรา”

 

 

 

ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประเทศไทยมีการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 81,323 คันเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 30.49 แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 8.34 เพราะจะมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนืออเมริกากลางและอเมริกาใต้ ยังคงต้องติดตามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐฯในวันที่ 2 เมษายนว่า จะมีประเทศไหนบ้าง และบางประเทศคู่ค้าลดคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจน ในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

 

 

สำหรับภาพรวมกำลังซื้อรถยนต์ในประเทศ ณ เวลานี้ “นายสุรพงษ์” กล่าวว่า ยังดีอยู่สะท้อนได้จากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปี 2567 มากถึง 5 หมื่นตันแต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตายอดการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน “ทางด้านกำลังซื้อเราไม่ค่อยกังวลนัก เพราะว่าในเรื่องที่เราดูจากยอดจอง

 

 

ในงานมอเตอร์โชว์ หรือในงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมาในเดือนธันวาคมก็มียอดจองตั้ง 5 หมื่นคันแต่ว่าการปล่อยสินเชื่อของพวกสถาบันการเงินที่มีการเข้มงวดมาก ตรงนี้ที่ทำให้ไม่ผ่านการซื้อขายได้ที่ทราบมาจากโชว์รูมทั้งหลาย เขาก็บอกว่ายอดปฏิเสธมีมากกว่า 50% ก็ส่งไป 10 คันจะโดนปฏิเสธมากกว่า 5 คัน ก็ต้องติดตามกันต่อไป”

 

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มอง เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากเรื่องมาตรการภาษีสหรัฐฯอาจกระทบเศรษฐกิจไทยให้ลดลง 0.35 ถึง 0.50% นั่นเอง

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube