ส่องวิชั่นผู้นำ “นายกหว่อง” Vs “นายกอิ๊งค์” ศึก “ภาษีทรัมป์”
ในขณะที่โมงยามนี้ทุกประเทศรวมถึงไทยยังอยู่ในอาการแกว่งไกวหาพอๆกับอาการแผ่นดินไหว เพื่อหาทางแก้โจทย์ยากความเปลี่ยนแปลงการ “จัดระเบียบโลกใหม่”ที่เลวร้ายจากการพลิกบทจาก “พระเอก” มาเป็น “ผู้ร้าย”ของ “สหรัฐ”
จากพี่เบิ้มยักษ์ใหญ่ผู้นำระเบียบการค้าเสรี มาเป็นผู้ทำร้ายระเบียบโลกที่ตั้งเอง ภายใต้นโยบาย2.0ที่ยึดประโยชน์ของ “คนอเมริกา”เป็นอันดับแรก “ของผู้นำป่วนโลกอย่าง “ประธานาธิบดีทรัมป์”กับ มาตรการ “กำแพงภาษี”60ประเทศทั่วโลกที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐ โดยจะมีผลในวันที่ 9 เม.ย.ท่ามกลางเสียงก่นด่าและท่าทีที่แตกต่างจาก”ผู้นำประเทศ”ที่ได้รับผลกระทบทั้งการตั้งรับและตอบโต้ และ ในแวดวงธุรกิจเศรษฐกิจในสหรัฐและจากทุกประเทศทั่วโลกที่กำลังประเมินผลกระทบที่จะตามมา ไม่แต่เฉพาะ “จีน”ที่ตกเป็นเป้าการทำสงครามการค้าจากสหรัฐมาตั้งแต่ก่อน “ทรัมป์”จะขึ้นเป็น “ผู้นำ”อยู่แล้ว
อย่างที่ช่วงปลายสัปดาห์ได้เห็นเอฟเฟ็กต์ความเสียหายผ่านตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะตลาดวอลล์สตรีท ซึ่งสูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ “ทรัมป์”ประกาศมาตรการเมื่อ 2 เม.ย. ที่เจ้าตัวได้ออกมาเมื่อวานขอให้ “คนอเมริกา” อดทนจะได้ผลที่ตามมาดีแน่
โดยคุยว่า “เวียดนาม”ยอมแล้วที่จะลดภาษีนำเข้าสหรัฐเหลือ0% ในขณะที่หันมาทางประเทศไทยภายใต้การนำของ “นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร” ที่โดน “ภาษีทรัมป์”ไป 36% “นายกฯอิ๊งค์” ได้ออกมาแถลงการณ์ฉบับแรกในวันนั้น(2เม.ย.) ทันที ทำนอง“ไทยต้องปรับโครงสร้างภาษีนำเข้ากับสหรัฐ และตั้งคณะทำงานเจรจาต่อรอง” และได้มีการเตรียมทั้งแผนระยะสั้นระยะยาว โดยระยะสั้นต้องดูสามารถเจรจาต่อรองเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ส่งออกเยียวยาอะไรได้บ้าง พร้อมทั้งบอกว่ามีมาตรการต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว
กระนั้นนอกจากท่าทีของแต่ละประเทศรวมถึงบทนำของ “นายกฯไทย”ที่ถูกจับตาจากแวดวงชนชั้นนำในสังคมไทย นอกจากบรรดา ประเทศพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐ หรือ ประเทศ “คู่ขัดแย้งหลัก”อย่างจีนที่สวมบท “อั๊วไม่กลัวลื้อ”แล้ว “ผู้นำประเทศ”ใกล้บ้านเราที่ถูก “คนไทย”และหลายฝ่ายสนใจถอด “คีย์แมสเสส”
ของเขาออกมาอย่างละเอียด
และมีเสียงวิจารณ์เปรียบเทียบวิชชั่น “ผู้นำ”ในการให้ข้อมูล และฉายภาพเตือนภัยประชาชนนี้ ที่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “นายกอิ๊งค์”ต้องออกแถลงการณ์ฉบับที่2 ออกมาวันนี้(6เม.ย.)ทำนองให้กำลังใจทุกฝ่าย รัฐบาลจะมีแอ๊คชั่นประชุมรับมือวันที่ 8 เม.ย. และจะส่ง “พิชัย”ไปเจรจาในวีคนี้
นั่นคือ การออกมาของ“นายกรัฐมนตรี ลอเรนซ์ หว่อง” ของสิงคโปร์ที่มีการแถลงผ่านโทรทัศน์เมื่อวาน(5เม.ย.) เตือนประชาชนทั่วประเทศให้เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะตามมาจากมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แม้จะเป็นการแถลงการณ์สั้นๆ เพียง 5 นาที แต่ถือว่าครบถ้วน “ทรงพลัง”ในการให้ข้อมูลสถานการณ์โลกที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปที่จะส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์ที่ต้องเตรียมรับมือ
โดย “ลอเรนซ์ หว่อง”บอกว่า “เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า โลกกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่จะสร้างความเสียเปรียบให้กับประเทศเศรษฐกิจเล็กๆอย่างสิงคโปร์ วันแห่งการปลดแอก ของสหรัฐ คือการเปลี่ยนแปลงที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในระเบียบโลกยุคแห่งโลกาภิวัตน์และการค้าเสรีภายใต้กฎเกณฑ์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่กระทำตามอำเภอใจ กีดกันการค้าและอันตรายมากขึ้น
แม้สิงคโปร์จะโดนแค่ 10% แต่ผลที่ตามมานั้นจะกว้างกว่าและลึกกว่า หากประเทศอื่นมาแนวสหรัฐฯ ทิ้ง WTO คาดว่า ทั่วโลกจะตอบโต้รุนแรง ต่อ”ภาษีสหรัฐ” มีโอกาสเกิด”สงครามการค้าโลก”เต็มรูปแบบ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอน จะโถมทับเศรษฐกิจโลกการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะประสบปัญหา และการเติบโตทั่วโลกจะชะลอตัวสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากเราพึ่งพาการค้าเป็นอย่างมาก
”หว่อง”บอกด้วยว่า ครั้งสุดท้ายที่โลกประสบเหตุการณ์ทำนองนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่2ในท้ายที่สุดไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรข้างหน้า แต่ต้องตระหนักถึงอันตรายต่างๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลก สถาบันต่างๆ ของโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ ทุกประเทศจะยึดผลประโยชน์ตนเป็นหลัก และใช้กำลังหรือแรงกดดันเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
นี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกปัจจุบัน ที่ต้องเตรียมใจรับมือกับแรงกระแทกความสงบ และเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักจะไม่กลับมาในเร็ววันนี้ ตนขอแชร์เรื่องนี้กับทุกท่าน เพื่อที่เราจะได้เตรียมใจ เพื่อที่เราจะได้ไม่ประมาท เราอย่าชะล่าใจ ความเสี่ยงครั้งนี้เป็นเรื่องจริง และเดิมพันก็สูงมาก หนทางข้างหน้าจะยากลำบากมากขึ้นมาก แต่ถ้าเรายืนหยัดและรวมกันเป็นหนึ่ง สิงคโปร์จะยังคงรักษาตัวรอดได้ในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหานี้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews