กรมราชทัณฑ์ แจง ปมพบ 37 ผู้ต้องขังติด โควิด19 ใน เรือนจำกลางเชียงใหม่ ยันอยู่ในกระบวนการแยกกักโรคเป็นระยะเวลา 14 วันก่อนเข้าเรือนจำชั้นใน
กรมราชทัณฑ์ ยกระดับเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ หลังพบสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังมีแนวโน้มการระบาดอย่างต่อเนื่อง
โดยกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม 2 แนวทาง คือ
1.การสกัดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขัง
เข้าใหม่ โดยให้ตรวจเชื้อผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกราย อย่างน้อย 2 ครั้ง คือ หลังจากรับตัวเข้าห้องแยกกักโรค ภายในระยะเวลา 3 วันแรก และก่อนออกจากห้องแยกกักโรคอีก 1 ครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ
และ 2. การป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์
โดยให้ดำเนินการด้วยกัน 2 แนวทาง คือ
1) การจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 เพื่อฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน
2) ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 และต้องทำการตรวจหาเชื้อในทุก 14 วัน โดยเฉพาะในเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง และได้กำชับบุคลากรให้งดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการนำเชื้อโควิด-19 จากภายนอกเข้าสู่ภายในเรือนจำ
ด้าน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน เรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่มีรายงานว่าพบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 37 รายนั้น กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า การพบการติดเชื้อดังกล่าว เป็นการพบเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มผู้ต้องขังเข้าใหม่จำนวน 118 ราย
ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในกระบวนการแยกกักโรค เป็นระยะเวลา 14 วัน ก่อนเข้าเรือนจำชั้นใน โดยขณะนี้ กลุ่มผู้ติดเชื้อทั้ง 37 รายดังกล่าว ได้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของสถานพยาบาลภายนอก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news