กทม.เพิ่มประสิทธิภาพสายด่วน1669ส่งผู้ป่วยโควิด
กทม. เพิ่มประสิทธิภาพสายด่วน 1669 ประสานรับผู้ติดเชื้อโควิดส่งถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีประชาชนจำนวนมากโทรติดต่อสายด่วน 1669 ศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน กทม. (ศูนย์เอราวัณ) โดยเฉลี่ยมีสายเข้าวันละ 3,500 สาย ซึ่งมีทั้งสายขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วไป และสายที่ขอ
เข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทำให้ประชาชนต้องรอคิวนาน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการเพื่อรับข้อมูลจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 และส่งต่อให้ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด จึงได้เพิ่มจำนวนคู่สายให้มากขึ้น พร้อมต้องทั้งดึงเจ้าหน้าที่จากผลัดดึกซึ่งมีจำนวนสายเบาบางกว่ามาระดมช่วยช่วงเวลา 08.00-16.00 น. ที่มีการปริมาณสายเข้าหนาแน่น และเตรียมจัดจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเป็นการเฉพาะกิจเพื่อประสานงานช่วยเหลือในการรับผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะ โดยจะทำการอบรมให้ความรู้ด้านการแพทย์ที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถตอบข้อซักถาม คัดกรองอาการ และแนะนำผู้ป่วยได้ คาดว่าการให้บริการประชาชนที่โทรเข้ามา 1669 จะมีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่มีสายโทรแจ้งจากผู้ป่วยโควิดเข้าจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีรับเรื่องและขอชื่อ/หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ทีมประสานรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะให้เร่งติดต่อกลับเพื่อประสานรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้มีคู่สายว่างเพียงพอผู้ที่จะสายที่โทรเข้ามาใหม่ ขณะเดียวกันก็สามารถรับผู้ติดเชื้อไปส่งยังโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้ได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้นอกเหนือจากรถพยาบาลฉุกเฉินของศูนย์เอราวัณแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ข้อมูลและให้คำแนะนำกับผู้ติดเชื้อในกรณีที่สามารถเดินทางมาเองว่าต้องมีวิธีการหรือข้อควรปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้ ในช่วงที่มีผู้ป่วยจำนวนมากต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ยังมีรถจากสำนักงานเขตพื้นที่คอยช่วยสนับสนุนในการรับส่งผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการไปยังโรงพยาบาลสนามเพื่อแยกตัวจากผู้ไม่ติดเชื้อและเข้าสู่ระบบการรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news