กกท. เตรียมใช้อินดอร์ฯเป็นศูนย์แรกรับโควิด
กกท. ร่วมกับ สาธารณสุข เตรียมใช้อินดอร์ฯ หลังเล็ก และศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม เป็นศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19
ตามที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการหาสถานที่สำหรับรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมาก และจากการสำรวจพื้นที่ภายในบริเวณสนามกีฬาหัวหมาก ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่ข่าวว่า มีสถานที่เหมาะสมในการดำเนินการแล้ว คือ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก นั้น
ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยว่า กกท. ในฐานะเจ้าของสถานที่และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นต่อเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก และจากการสำรวจพื้นที่ภายในสนามกีฬาหัวหมาก ร่วมกันของทั้ง 2 กระทรวงฯ เราเห็นชอบร่วมกันที่จะใช้พื้นที่บริเวณอินดอร์สเตเดี้ยม (หลังเล็ก) และศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม เป็น ศูนย์แรกรับและส่งต่อ ในการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากนั้นจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนามต่างๆในกรุงเทพฯ
“ปัจจุบัน อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม แต่เราจะใช้พื้นที่บริเวณอินดอร์สเตเดี้ยมหลังเล็ก ที่อยู่ด้านหลังอินดอร์สเตเดี้ยมหลังใหญ่ และพื้นที่ต่างๆโดยรอบของอินดอร์ฯ รวมทั้งศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม เพื่อเป็นศูนย์แรกรับและส่งต่อ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรับผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีเตียง ทำการคัดกรองและแยกระดับอาการ ก่อนส่งต่อไปรักษาตามความเหมาะสม ถือเป็น Pre-admission Center ให้บริการเหมือนโรงพยาบาล จะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์พร้อม บุคลากรแพทย์ พยาบาล ดูแล ซึ่งศูนย์แรกรับและส่งต่อที่เตรียมจัดตั้งขึ้นนี้จะไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม และไม่ใช่สถานที่ตรวจหาเชื้อ หรือสถานที่เข้ารับการกักตัวแต่อย่างใด”
ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นทุกวันนี้ กกท. ยินดีที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนภารกิจในครั้งนี้ เพื่อจะช่วยลดปัญหาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตกค้างตามบ้าน และช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้รับการดูแลเร็วขึ้น เราทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อเอาชนะวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news