พายุฤดูร้อนถล่มบัวใหญ่ โคราช ทำวัด-โรงเรียน บ้านพังยับ ขณะเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจช่วยเหลือเยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ช่วงเย็นวานนี้ (26 เมษายน 2564) ทำให้สิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือนของชาวบ้านได้ความเสียหาย และมีต้นไม้หักโค่นจำนวนมาก โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย และเมื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ ต.กุดจอก อ.บัวใหญ่ ก็พบว่า โรงเรียนบ้านอ้อยช้างถูกแรงลมพัดกระโชกทำให้หลังคาอาคารเรียนปลิวหายไปทั้งแถบ นอกจากนี้ ที่วัดหนองเซียงโข่งซึ่งอยู่ใกล้กัน ก็ถูกแรงลมพัดหลังคาอาคารหอฉันได้รับความเสียหายด้วย โดยมีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย มากกว่า 20 หลังคาเรือน
จากการสอบถามนายภูเบศ แทนสี ผู้ประสบเหตุ เปิดเผยว่า มีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่จู่ๆ ก็มีเสียงลมพัดกระโชกและฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง ประมาณ 10 นาที ทำให้หลังคาบ้านของตนพังยุบลงมาทับตนเองและภรรยาขณะหลบฝนอยู่ภายในตัวบ้าน โดยหลังจากพายุสงบก็ค่อยๆ คลานออกมาจากตัวบ้านด้วยความงุนงง ว่า รอดชีวิตจากเหตุการณ์บ้านพังถล่มมาได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานราชการอยู่ในระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และประเมินค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือต่อไป
ป.นครราชสีมา เขต 6 ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารเรียน ถูกพายุฤดูร้อนถล่มพังเสียหาย เร่งเบิกจ่ายงบซ่อมแซม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุการณ์พายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (26 เมษายน 2564) ทำให้หลังคาอาคารเรียนโรงเรียนบ้านอ้อยช้าง ต.กุดจอก อ.บัวใหญ่ ได้รับความเสียหาย รวมถึง อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนและอาคารโรงอาหาร ก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ดร.กาญจนา เปรมภิรักษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 6 (สพป.นม.เขต 6) จึงได้มอบหมายให้นายแสน กังประโคน รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 6 ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวอาคารเรียน
เบื้องต้นพบว่า เป็นอาคารเรียนหลังเก่า แบบ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ก่อสร้างประมาณปี 2523 ปัจจุบันอาคารเรียนชั้นบนชำรุดเสียหาย ไม่สามารถใช้งานได้ อยู่ระหว่างการของบประมาณมาซ่อมแซม ก่อนมาถูกลมพายุพัดทำให้พังเสียหายในครั้งนี้ ซึ่งจากความเสียหายที่เกิดขึ้น จะได้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลกุดจอก ประเมินค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่งเรื่องไปยังสำนักงานการประถมศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อของบประมาณเยียวยาภัยพิบัติและซ่อมแซมเป็นการเร่งด่วน ให้สามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ทันก่อนถึงการเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2564 และจากการพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียนในเบื้องต้น ต้องการให้ทางโรงเรียนรื้อโครงสร้างที่พังเสียหาย และมีสภาพเก่าชำรุดทรุดโทรม ให้เป็นอาคารปูนแบบชั้นเดียวเพื่อความแข็งแรง และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในขณะที่บุตรหลานมาโรงเรียน
พายุฤดูร้อนถล่ม จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 อำเภอเละ โรงเรียน-สถานีขนส่งฯ ทรัพย์สินเสียหายยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการเกิดเหตุวาตภัยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยลมพายุโซนร้อนพัในเขตพื้นที่อำเภอของจังหวัดเพชรบูรณ์ จนสร้างความเสียให้กับทรัพย์สินทางราชการรวมทั้งของประชาชนกระจายอย่างกว้างขวางในหลายอำเภอ โดยเฉพาะที่ อ.วิเชียรบุรี อ.ชนแดน ซึ่งมีลมพายุฝนพัดกระหน่ำค่อนข้างรุนแรง จนเป็นเหตุให้สิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สิน โรงเรียนนิยมศิลป์อนุสรณ์ ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรีได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก นอกจากนี้ที่ อ.ชนแดน หลังคาอาคารสถานีขนส่งเทศบาลตำบลชนแดน ได้ถูกพัดพายุโซนร้อนพัดกระหน่ำจนทรุดพังลงมา ในขณะที่อ.บึงสามพันและอ.เมืองเพชรบูรณ์ได้รับผลกระทบเช่นกัน ล่าสุด นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้อำเภอที่ประสบวาตภัยเร่งให้การช่วยผู้ประสบวาตภัยและใหเร่งสำรวจความเสียหาย
ด้าน นายปกรณ์ ตั้งใจตรง นายอำเภอวิเชียรบุรี กล่าวว่า พายุโซนร้อนพัดกระหน่ำเมื่อราว 17.00 น. ของเมื่อวานนี้ ซึ่งแม้จะเป็นช่วงราว 10 นาทีเศษ แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินทางราชการและของประชาชนพอสมควร ในส่วนของโรงเรียนนิยมศิลป์อนุสรณ์ทาง ผอ.รร.ได้แจ้งหรือรายงานเบื้องต้นว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างปิดการเรียนการสอน ส่วนทรัพย์สินได้รับความเสียหายมี หอประชุมหลังเก่า หลังคาโรงจอดรถ สนามฟุตซอล ธนาคารโรงเรียนออมสิน
นอกจากนี้ ยังมีกระจกหน้าแตกเสียหาย วันนี้อยู่ระหว่างสำรวจโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนทรัพย์สินของประชาชนมี ต.สระประดู่ และ ต.ท่าโรง ที่ได้รับความเสียหายหนักโดยกระทบต่อความเป็นอยู่ราว 12 หลังคาเรือน ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ระหว่างการสำรวจโดยละเอียด เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news