สนพ. คาด ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ยุโรปผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การฉีดวัคซีนโควิดในหลายพื้นที่
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในสหรัฐ และยุโรปมีสัญญาณการขยายตัวดีขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ดัชนี PMI ของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าเกิดการขยายตัวในภาคการผลิตและบริการ ขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการฉีดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันของประเทศไทยแตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้าน หากพิจารณาจากโครงสร้างราคาน้ำมันอ้างอิงนั้นจะประกอบด้วย 1) ต้นทุนเนื้อน้ำมันคือ ต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเชีย 2) ภาษีต่างๆ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศและบำรุงท้องถิ่น 3) กองทุนต่างๆ
เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง: เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน: เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน 4) ค่าการตลาด คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่ การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการรวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (19 – 25 เมษายน 2564) ราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $63.86 และ $62.16 ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $0.98 และ $0.23 ต่อบาร์เรล สอดคล้องกับเศรษฐกิจของยุโรปที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากหลายประเทศได้คลายมาตรการล็อกดาวน์ และประเทศลิเบียได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเหลือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณกับธนาคารกลางของประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news