กรมทรัพย์สินทางปัญญา แจงสารตั้งต้นยา “ฟาวิพิราเวียร์” ไม่เคยรับคำขอจดสิทธิบัตร ผู้ผลิตนำสารต่อยอดผลิตได้ ส่วนยาเม็ดเพิ่มแนวทางจัดหาเพิ่ม
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ภาคประชาสังคมสอบถามความคืบหน้าการพิจารณาคำขอรับสิทธิบัตรยา”ฟาวิพิราเวียร์” ซึ่งเป็นยาสำคัญที่ใช้ในการรักษาโควิด-19 ว่า สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับยาฟาวิพิราเวียร์หลักๆ มีอยู่ 2 ฉบับ ฉบับแรก เกี่ยวกับโครงสร้างสารออกฤทธิ์หลักของยาซึ่งไม่เคยยื่นขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย ปัจจุบันหมดอายุความคุ้มครองในทุกประเทศทั่วโลกแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ดังนั้น ผู้ผลิตยาจึงสามารถนำสูตรโครงสร้างของสารออกฤทธิ์หลักนี้ไปพัฒนาเป็นสูตรยาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ทันที ส่วน ฉบับที่ 2 การขอรับสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบยาเม็ด ซึ่งได้ยื่นขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาตรวจสอบการประดิษฐ์เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 และผู้ตรวจสอบได้พิจารณาแล้ว จึงมีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบไปยังผู้ขอเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยระบุว่า สิทธิบัตรดังกล่าวไม่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ซึ่งผู้ขอมีกรอบระยะเวลาในการชี้แจงถึงวันที่ 30 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ หากผู้ขอไม่ชี้แจงเข้ามาตามเวลาที่กำหนด จะถือว่าละทิ้งคำขอ ตามมาตรา 27 แห่งพ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งภาคประชาสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมให้ยามีจำนวนที่เพียงพอหากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดขึ้นอีกครั้ง จึงได้เสนอแนวทางให้เจรจาเพื่อจัดซื้อยาเพิ่ม รวมถึงการขอร่วมลงทุนผลิตกับผู้ขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาตำหรับยาขึ้นใหม่จากสารออกฤทธิ์หลักที่ไม่มีสิทธิบัตรในประเทศไทย ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาคำขอรับสิทธิบัตรในยาฟาวิพิราเวียร์รูปแบบยาเม็ด โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news