ครึ่งทาง14วันร้านกิน-จุกเจ็บตาย
ผ่านมาครึ่งทาง หรือ 7 วันที่ ศบค. ออกมาตรการควบคุมเข้มงวดร้านอาหารห้ามเปิดให้นั่งรับประทานที่ร้าน และปรับเป็นใส่ถุงกลับบ้านแทน จำนวน 14 วัน โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผล กระทบต่อยอดขายกันเป็นวงกว้าง ร้านอาหาร ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านค้าย่าน รัชดา พบเสียงสะท้อนจากร้านอาหารต่อมาตรการดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ดีนักเหล่าบรรดาร้านค้า ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เริ่มทำตามประกาศ ศบค.ห้ามนั่ง ซื้อกลับบ้าน การซื้อ-ขายก็เงียบเหงา ลูกค้าน้อยลงยอดขายลดกว่า 50% จากที่เคยมียอดขายวันละ 10,000-20,000 ต่อวันเหลือเพียง 4,000-5,000
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศลูกค้ายังสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ ยังขายได้พอ แต่เมื่อรัฐบาลประกาศห้ามนั่ง ทำให้ลูกค้าหน้าร้านหายไปเหลือเพียงออนไลน์เท่านั้น
แต่ในเรื่องของค่าใช้จ่ายยังเดินหน้าไม่หยุดหย่อนไม่เหมือนรายได้ที่ชะลอลงทุกวัน รายจ่ายที่ต้องจ่ายในช่วงสิ้นเดือน ทั้งค่าแรง ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ยังคงต้องจ่าย โดยพ่อค้าแม่ค้าหวั่นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป คงต้องปิดร้านเลิกขาย เพราะรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายและต้นทุนของวัตถุดิบ อีกทั้งยังต้องลดเงินเดือนลูกจ้างลง แทนการเลิกจ้าง เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
- หมอย้ำสูงอายุติดโควิดง่ายวัคซีนช่วยได้
- แฉกลโกง!ทอมแสบขโมยลอตเตอรี่ผู้ค้าตาบอด
- โควิดศก.โคม่าเม.ย.วูบ2แสนล.โปรฯแป้ก
- โปรรัฐไม่โดนใจ ปชช.ยังไม่กล้าฉีดวัคซีน
- ผวาโควิด-19สั่งปิดตลาดห้วยขวางลุ้นผลตรวจอีกนับพัน
- ชาวคลองเตยทยอยรับวัคซีน-ตลาดร้างไร้คน
- มาตรการจากภาครัฐที่ “ประชาชน”ต้องการ
นอกจากนี้ เหล่าบรรดาร้านค้าต่างฝากความหวังไปยังรัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเร็ว เพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้กลับมาค้า-ขายได้เหมือนเดิม และอยากให้ภาครัฐช่วยอุดหนุน ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้กับร้านค้าบรรเทาความเดือนร้อนในช่วงที่ยอดขายลดลง และขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ เพื่อให้อยู่รอดได้
ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ความเดียวของคนทำมาหากิน เห็นจะมีเพียงการเยียวยาจากภาครัฐ และการเร่งแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายโดยเร็ว และมีความหวังว่าจะกลับมาเปิดขายได้เช่นเมื่อก่อนอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news