“อนุรักษ์” เข้าช่วยเหลือลูกสาวคนเล็ก อายุ 14 ปี ของครอบครัวติด โควิด19 มอบกล่องปันใจของพรรคเพื่อไทย
นายอนุรักษ์ เลิศวัฒนาไพบูลย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตวังทองหลาง พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าเมื่อค่ำวานนี้ (8 พ.ค.64) เวลาประมาณ 21.30 น. มีโทรศัพท์หมายเลขหนึ่งโทรเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือฝากดูแลบุตรสาวคนเล็ก เพราะครอบครัวทั้งหมด 5 คนติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยกเว้นลูกสาวคนเล็กที่ยังตรวจไม่พบเชื้อ แต่ต้องกักตัวตามแพทย์สั่งอยู่ห้องเช่าเล็กๆไม่มีคนดูแล จึงรบกวนฝากช่วยดูแลลูกสาว 14 วันจนกว่าแม่จะกลับบ้าน
โดยนายอนุรักษ์ กล่าวว่า เช้าวันนี้ตนจึงเดินทางไปที่ห้องเช่าใต้ตึกคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในแขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง พบว่าครอบครัว 5 คนอาศัยรวมกันอยู่ในห้องเช่าใต้ถุนตึก แถวในซอยย่านวังทองหลาง คุณแม่เล่าว่า ในครอบครัวมีสมาชิกรวม 5 คน คือ คุณพ่อ อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คุณแม่และลูกสาวคนโต ทำงานรับจ้างทำความสะอาด และลูกชายคนโต กำลังเรียนหนังสือ ทั้งหมด 4 คนได้รับการตรวจเชื้อ ยืนยันว่าติดเชื้อโควิดทั้งหมด
ยกเว้นลูกสาวคนเล็กอายุแค่ 14 ปี อาการทั้ง 4 คนขณะนี้ มีอาการไอ มีไข้ขึ้น เจ็บคอ อ่อนเพลีย ทีมแพทย์แจ้งว่าคิวรถเต็ม ทางครอบครัวจึงตัดสินใจจะขับรถไปเข้าโรงพยาบาลเองบ่ายนี้ แต่ตนกังวลใจว่า ลูกสาวต้องอยู่บ้านกักตัวคนเดียวตามที่แพทย์สั่ง จึงรู้สึกเป็นห่วง ไม่มีคนดูแลความปลอดภัยและอาหารการกิน พอดีจำได้ว่าเคยได้รับนามบัตรจาก นายอนุรักษ์ จึงได้ลองโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ
นายอนุรักษ์ จึงรับปากกับคุณแม่และครอบครัวว่า จะให้ทีมงานส่งอาหารให้น้องครบ 3 มื้อจนกว่าคุณแม่จะได้กลับบ้าน และจะให้ทีมงานที่เป็นผู้หญิง แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนและจัดหาของจำเป็นตามที่ร้องขอทุกวัน ซึ่งน้องสามารถโทรศัพท์ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ นายอนุรักษ์ ได้มอบกล่องปันน้ำใจของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นสำหรับการกักตัวให้ลูกสาวที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน
“ภูมิธรรม” จี้รัฐบาลเร่งหาทางออกประเทศ เพื่ออนาคตและโอกาสของคนรุ่งใหม่
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ปรากฎการณ์ที่คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะและชักชวนกัน “มาย้ายประเทศกันเถอะ” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์สะท้อนอะไรบ้าง บ้างว่าเด็กรุ่นใหม่ชังชาติ สร้างความแตกแยก คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงประเทศชาติ
บ้างว่าสะท้อนความสิ้นหวัง กับระบบบริหารประเทศ รู้สึกว่า สู้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ จะได้ในสิ่งที่เขาคาดหวัง อยากได้หรือไม่สู้ยอมไปตายดาบหน้าหรือหาโอกาสที่ดีกว่านี้ บ้างว่าอึดอัด และอัดอั้น กับสภาพการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการบริหาร และจัดการประเทศในเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม และระบบความยุติธรรมที่บิดเบือน มีสองมาตราฐาน
บ้างว่าเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆพบว่ามีระบบที่ทันสมัยก้าวหน้า และมีระบบการจัดการบริหารประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าระบบที่เป็นอยู่ของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน เพราะนอกจากแก้ปัญหาได้ตรงจุดแล้วยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นต่างๆ ได้เติบโต สร้างอนาคต สร้างสถานะตามที่ตนคาดหวังบ้างว่าวัยของ “คนรุ่นใหม่” เป็นวัยแห่งอนาคต วัยแห่งการแสวงหา และวัยแห่งการเรียนรู้ ที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง และไม่ยอมจำนน ฝืนทน กับความขมขื่นที่ต้องเผชิญยอมที่จะสู้กับความลำบากที่มองไม่เห็นข้างหน้าดีกว่าจะนิ่งเฉย
และยอมจำนนกระแส “มาย้ายประเทศกันเถอะ”ที่คนนับแสน เป็นเสียงสะท้อนให้คนในสังคมได้ฟัง เป็นเสียงที่ทุกฝ่ายในสังคม ควรต้องฟังให้ได้ยิน ฟังอย่างเข้าใจ ฟังอย่างเปิดใจ และนำไปคิดต่อ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่ออนาคตของตัวเราเอง เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา และเพื่ออนาคตของประเทศไทย หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราต้องแลกกับอะไรหลายอย่างที่ยอมบั่นทอนเกียรติภูมิและความเชื่อมั่นของประเทศเพื่อทำลายล้าง “ฝ่ายเห็นต่าง”เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์และอำนาจของ “ผู้มีอำนาจและพวกพ้อง “ วันนี้…อย่านิ่งดูดายกับความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น กับการบริหารจัดการที่ล้มเหลว เพื่อแลกกับอนาคตและโอกาสของลูกหลาน เร่งคิด เร่งหาทางออกก่อนที่ประเทศ จะไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news