ไม่แต่จะทำให้ผู้คนในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย รวมถึงครอบครัว ต้องออกมาชี้แจงแถลงไข ปม "นายกฯ2-3คน"นับแต่ช่วงวันหยุดเสาร์ 25 ก.พ.ที่ "เศรษฐา" เดินทางเข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกฯทะเบียน สร.30 ที่ถูกจับตาอยู่ว่าจะถูก "นักร้อง" คนใดไปร้องหรือเปล่า

โดยบรรยากาศช่วงเช้าวันนี้ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย มีศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน สมาคมผู้ปกครอง รวมถึงครูอุเทนถวาย และอื่นๆ เดินทางมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น

นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ "ทักษิณ" "พักโทษ" ลงมาจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่ว และก็ไม่น่าจะแผ่วลงหลังจากนี้ กับ "บทบาท" ความเกี่ยวข้องที่ทั้งสังคมรับรู้รับทราบดีอยู่ว่า เป็นทั้ง "คุณพ่อ" ของ "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" "อุ๊งอิ๊งค์" เป็นทั้ง "นายเก่า" ของ บรรดารัฐมนตรีแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่นับรวม เหล่าบรรดา "หัวหน้าพรรคการเมืองกลุ่มอำนาจเก่า"

จากกรณี ข้อพิพาทระหว่างอากู๋ เจ้าของบ้านย่านรามอินทรา 58 ตัวจริง กับเพื่อนบ้านคู่กรณีที่ลักลอบเข้ามายึดบ้านและอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ พร้อมเปิดร้านขายไก่ทอด ล่าสุด ทนายความ พร้อมตำรวจ พาเจ้าของบ้านตัวจริง บุกเอาบ้านคืน ลุยปลดป้ายทิ้ง ต่อมา คดีครอบครองปรปักษ์บ้านอากู๋รามอินทรา ตำรวจ สน.โคกคราม นำตัวผู้ต้องหาบุกรุก 5 คน ส่งพนักงานอัยการมีนบุรี

นับจาก 23 สิงหาคม 2565 ที่ "เศรษฐา ทวีสิน" รับสนองพระบรมราชโองการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และนำมาซึ่งความคาดหวังที่สูงลิ่วของประชาชนว่า "เศรษฐา" จะพาประชาชนเป็น "เศรษฐี"ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจซบเซา เติบโตช้ามาเป็นเวลานาน เพราะเชื่อมั่นในแนวทางของเพื่อไทย ที่เคยฝากผลงานไว้ในอดีต ว่าจะแก้ปัญหาปากท้องได้

7 วันหลังทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ยังคงถูกจับตาวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง  ขณะที่ก่อนหน้านี้ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ได้ออกมายืนยันว่าทักษิณป่วยจริง เอ็นหัวไหล่ขาด  ซึ่งตัวเองเคยเป็นและรับการผ่าตัดใช้เวลาพักฟื้นนาน เรื่องนี้เกิดกับคนอายุ 70 ปีเป็นเรื่องธรรมดา ควรจะให้กำลังใจคนป่วยอย่ามองว่าสร้างภาพ

การกลับสู่ฐานที่มั่น "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ของอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลตำรวจตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ ทำให้กระดานอำนาจทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยถูกจับตาอย่างใกล้ชิด