จากไม่คิดก็ยิ่งคิดไปกันใหญ่ กับ พล็อตเรื่องต่อเนื่อง รวมถึงบรรดา “ตัวละคร” ในท้องเรื่อง ที่ล้วนแล้วแต่มีร่องรอยความสัมพันธ์ ในสถานะ ทั้งมิตรและศัตรู ทั้งฝ่ายฟากข้างเดียวกัน คนละขั้วข้าง หรือกลุ่มองค์กรกึ่งๆกลางๆไร้สังกัด แบบที่เคยเป็นทั้ง “กองหนุน” และ “กองต้าน” ที่อยู่ๆมามิกซ์กัน ทั้งใกล้ และ ไกลตัว “ศูนย์อำนาจ3ป.” โดยเฉพาะ “2ป.” อย่าง “นายกฯลุงตู่” และ “พี่ใหญ่ป้อม”

รัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯลุงตู่” ยามนี้อยู๋ในอาการร้อนฉ่าไปทุกองคพายพ ปรากฏร่องรอยความขัดแย้งหวาดระแวงแคลงใจกัน ตั้งแต่ผู้คนบน “ตึกไทยคู่ฟ้า” ลงไปถึง พรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่ พรรคหลัก อย่าง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ไปจนถึง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ที่กำลังอาการหนักจากความบานปลาย “ปริญญ์เอฟเฟ็กต์”

จังหวะเมษาร้อน “สงกรานต์ปีใหม่ไทย” กลางดงโควิดที่ต้องลุ้นกันวันจันทร์หน้าว่าจะออกหัวหรือก้อยกับตัวเลขการติดเชื้อแสนต่อวันแบบที่หมอคาดการณ์หรือไม่ ที่ตามปกติที่ผ่านมาแต่ละปี นอกจากจะมี “คำทำนาย” ผ่านลักษณะนางสงกรานต์แล้ว ยังมีการทำนายทายทักถึง “ดวงเมือง” จากโหรการเมืองหลายสำนัก

อ่านผ่านภาษากาย อาการคนละอารมณ์ ระหว่าง “2ป.” “พี่ใหญ่-น้อง” คนหนึ่ง อารมณ์ดี คนหนึ่งหงุดหงิดถึงขนาดมีรายงานว่ามีคนนั่งหัวโต๊ะประชุมเกิดอาการ “ว๊ากเพ้ย” กลางวง เหตุจาก 2 รัฐมนตรี เถียงกันเรื่อง “ถุง”

ในจังหวะเว้นวรรค “ศึกใน” จากเกมสภาฯระหว่าง “ปิดสมัยประชุม” นอกจากปรากฎร่องรอยการเคลียร์ “ทุ่นระเบิด” ที่จะเกิดขึ้น อันส่งผลต่อสถานภาพนายกฯของ “ลุงตู่” หากเปิดสภาฯในเดือนพ.ค. 65

คู่ขนานไปกับสัญญาณปี่กลองการเมืองรัวจาก “สนามเล็ก” การเลือกตั้ง “ผู้ว่ากทม.”ที่จะเป็นการ “ชิมราง” ก่อนถึงการเลือกตั้งใหญ่ กับการเปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม.” ของแต่ละค่ายที่ทั้งเปิดหน้า และปิดหน้าสนับสนุนจากพรรคใหญ่ โดยมีคิวรับสมัคร วันที่ 31 มี.ค.