เกี่ยวกับ Move to Heaven และเรื่องย่อ
Move to Heaven ที่อบอุ่นหัวใจและจริงใจอย่างที่สุดเกิดจากผู้เขียนบทยุนจีรยอน เธอบังเอิญเจอบทความรวมเล่ม Things Left Behind (สิ่งที่ทิ้งไว้ข้างหลัง) เขียนโดยคิมแซบยอล ประธานกรรมการบริหารธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย ในช่วงที่เธอกำลังค้นหาหนังสือเกี่ยวกับความตายและความโศกเศร้า
เกี่ยวกับ Move to Heaven
- เรื่อง: Move to Heaven
- กำกับโดย: คิมซองโฮ
- เขียนบทโดย: ยุนจีรยอน
- นำแสดงโดย: อีเจฮุน, ทังจุนซัง, ฮงซึงฮี
- กำหนดฉาย: 14 พฤษภาคม 2564 / เวลา 00 น.
- จำนวนตอน 10 ตอน
เรื่องย่อ
ฮันกือรูคือเด็กหนุ่มผู้มีอาการแอสเพอร์เกอร์ เขาทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายกับฮันจองอูผู้เป็นพ่อของเขาและเป็นเจ้าของบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุ “มูฟทูเฮฟเวน” แต่แล้วกือรูต้องเหลือตัวคนเดียวในโลกใบนี้หลังจากการจากไปอย่างกะทันหันของพ่อ ทำให้อาของเขาโจซังกูที่เพิ่งพ้นโทษจำคุกแวะมาเยี่ยมกือรู
พินัยกรรมที่ทิ้งไว้ของจองอูทำให้ซังกูต้องกลายเป็นผู้ปกครองของกือรูและเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ทว่าทั้งคู่ต่างกันสุดขั้วและมีความเห็นไม่ตรงกันตลอดเวลา ในเมื่อไม่สามารถปรับความเห็นให้ตรงกัน ซังกูจึงร่วมทำธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุอย่างไม่เต็มใจนัก อย่างไรก็ตามยุนนามูเพื่อนบ้านของกือรูมีความสงสัยในจุดประสงค์ของการร่วมทำธุรกิจของซังกู เธอจึงเข้ามาทำงานเพื่อติดตามทั้งสองในการดำเนินธุรกิจการทำความสะอาดและขนย้ายครั้งสุดท้ายของ“มูฟทูเฮฟเวน” เนื่องจากกือรูมีพรสวรรค์ในด้านการสังเกตุและมีความจำเป็นเลิศในการถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ที่จากไป การทำงานกับกือรูจึงทำให้ซังกูค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติด้านลบต่อโลกนี้ไปในที่สุด ในขณะที่นามูก็เรียนรู้ที่จะรับฟังเสียงของคนอื่นในสังคมที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยที่ทั้งสามคนต่างค้นหาความหมายอันลึกซึ้งของการมีชีวิต ความตาย เช่นเดียวกับความรักกับความสูญเสียในระหว่างการทำงานที่ต้องเจอเรื่องราวต่างๆถูกซ่อนไว้ในอีกมุมหนึ่งของสังคมกับการเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของผู้ล่วงลับ ตั้งแต่เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการทำงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงคนชราที่ตายอย่างโดดเดี่ยว
การเคลื่อนย้ายครั้งสุดท้ายกำลังเริ่มต้นขึ้น
“มูฟทูเฮฟเวน” จะช่วยคุณ
เล่าเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยให้ฟัง
เกี่ยวกับซีรีส์
พวกเราอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยให้การเคลื่อนย้ายครั้งสุดท้ายดีที่สุด
เรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจจาก Netflix
Netflix นำเสนอ Move to Heaven เรื่องราวที่จะนำความอบอุ่นสู่หัวใจผู้ชม Move to Heaven คือผลงานซีรีส์ผ่าน Netflix ล่าสุดที่ติดตามเส้นทางชีวิตของฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์กับการทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายและผู้ปกครองของเขา โจซังกู ที่เล่าเรื่องราวที่ไม่มีโอกาสจะถ่ายทอดออกมาของผู้ที่จากไปในระหว่างขั้นตอนการเก็บกวาดของส่วนตัวของผู้ที่ล่วงลับไป
แรงบันดาลใจสำหรับผลงานซีรีส์ผ่าน Netflix ที่อบอุ่นหัวใจและจริงใจอย่างที่สุดเกิดจากผู้เขียนบทยุนจีรยอน เธอบังเอิญเจอบทความรวมเล่ม Things Left Behind (สิ่งที่ทิ้งไว้ข้างหลัง) เขียนโดยคิมแซบยอล ประธานกรรมการบริหารธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย ในช่วงที่เธอกำลังค้นหาหนังสือเกี่ยวกับความตายและความโศกเศร้า ยุนเริ่มเขียนบทด้วยความประสงค์ที่จะถ่ายทอดการส่งมอบและให้เกียรติผู้ที่จากไปด้วยการดูแลสิ่งของที่พวกเขาเคยมีไว้เป็นต่างหน้าเพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าพวกเขาได้“ทำดีที่สุดแล้ว” กับการปล่อยวางความเจ็บปวดและภาระที่เคยมีไว้บนโลกใบนี้ จากการค้นคว้าเกี่ยวกับผู้ที่ทำอาชีพนี้ยุนได้ศึกษาเคสนอกประเทศเกาหลีที่ครอบคลุมทั้งอเมริกา ญี่ปุ่นและเข้าไปติดตามการทำงานของพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุในสถานที่ทำงานเพื่อเก็บอารมณ์ต่างๆที่เธอรู้สึกและเข้าถึงประสบการณ์ในการรับรู้ราวกับ “สิ่งของนับไม่ถ้วนของผู้ที่จากไป แต่ละชิ้นล้วนกำลังพูดคุยกับเรา” ซีอีโอคิมแซบยอลได้ช่วยผู้เขียนบทยุนในหลายๆ ด้านในช่วงที่เธออยู่ในขั้นตอนในการค้นคว้าเขียนซีรีส์นี้
โดยเขากล่าวว่าเขารู้สึกดีใจที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานสายนี้และมีการหยิบยกถึงบุคคลต่างๆที่คนทำงานด้านนี้ได้พบเจอได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นซีรีส์ “ผมคิดว่าซีรีส์นี้จะชวนให้ผู้ชมหลายๆคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ ตระหนักถึงการจากไปอย่างโดดเดี่ยวและสามารถเป็นเสียงให้กับผู้ที่จากไปอย่างเดียวดาย” ผู้กำกับคิมซองโฮกล่าวว่า “ผมรู้เลยว่าผมจะสามารถหาเรื่องราวที่น่าสนใจและเรื่องดราม่าในอาชีพของการเป็นคนเก็บกวาดที่เกิดเหตุได้” โดยเขาได้เข้าร่วมงานโปรเจ็คในฐานะผู้กำกับเพื่อช่วยถ่ายทอดเรื่องราวที่จริงใจผ่านบทของยุนให้เป็นซีรีส์ที่มีสมจริงได้อย่างจับใจ “Move to Heaven เป็นซีรีส์ที่อบอุ่นที่จะสามารถเยียวยาและเข้าถึงผู้ชมได้ทั่วโลก” ผู้กำกับกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่ามีเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชมรออยู่ในซีรีส์นี้ที่การันตีว่าจะกระตุกหัวใจของผู้ชมในฤดูใบไม้ผลินี้
อีเจฮุน X ทังจุนซัง X ฮงซึงฮี เล่าถึงการสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
Move to Heaven รวมตัวเหล่านักแสดงรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพอย่าง อีเจฮุน นักแสดงที่ไม่เคยพลาดที่จะสร้างความประทับใจกับผู้ชม ทังจุนซัง นักแสดงดาวรุ่งที่มีประสบการณ์การแสดงกว่า 11 ปี และฮงซึงฮี ที่มีความสดใสร่าเริงดึงดูดคน “มันมหัศจรรย์มากที่เรื่องราวต่างๆในบทเข้าถึงตัวเราเองมากๆถึงแม้ผมจะไม่ได้ผ่านประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองแต่บททำให้ผมน้ำตาไหลไม่หยุดเลย” อีเจฮุนเผยถึงเหตุผลที่เขาตอบรับบทแสดงในเรื่อง Move to Heaven เรื่องที่อบอุ่นหัวใจท่ามกลางเรื่องราวที่มีความยั่วยุและปลุกปั่น ทังจุนซัง รับบทเป็นฮันกือรูในซีรีส์ ก็เห็นด้วยสอดคล้องกับอีเจฮุนถึงประสบการณ์การอ่านบทครั้งแรกที่สะเทือนอารมณ์ “ผมอ่านบท 10 ตอนจบในทีเดียวเลยครับ ผมไม่อยากขัดจังหวะความรู้สึกต่างๆของเรื่องที่น่าดึงดูดและซึ้ง ผมร้องไห้เยอะมากกับการอ่านบทนี้ ผมจึงอยากช่วยทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรู้สึกเดียวกับที่ผมได้รับครับ”
อีเจฮุนและทังจุนซังต่างพลิกบทบาทตนเองในการสร้างความสมดุลที่ลงตัวให้กับตัวละคร การเป็นโจซังกูผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะอดีตที่แสนเจ็บปวด ส่วนฮันกือรูต้องดำเนินชีวิตไปกับอาการแอสเพอร์เกอร์ แม้ซังกูจะมีอคติเกี่ยวกับการเก็บกวาดและขนย้ายหลังความตายแต่เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติต่องานและต่อโลกนี้ ตัวละครกือรูสร้างความซึ้งจับใจผู้ชมผ่านความใสซื่อบริสุทธิ์และความนิ่งสงบในการรื้อฟื้นเรื่องราวที่เศร้าบีบหัวใจกับความตายของผู้ที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม “ฝีมือการแสดงของอีเจฮุนไม่มีขอบเขตและไร้การเทียบเคียงได้เลยสำหรับกับการถ่ายทอดอารมณ์หลายมิติของตัวละครเขาและมีพลังในการนำเสนอความรู้สึกของตัวเองได้อย่างเต็มที่” ผู้กำกับคิมซองโฮกล่าวถึงการแสดงของอีเจฮุนที่ถ่ายทอดอารมณ์อย่างมีชั้นเชิงเพื่อให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วม ทั้งนี้ผู้กำกับคิมยังชื่มชมทังจุนซังในการถ่ายทอดสื่ออารมณ์ตัวละครกือรูได้อย่างครบถ้วนด้วยสายตาและสีหน้าที่เรียบเฉยที่แทบไม่ต่างจากอารมณ์ที่เขารู้สึกในใจ “ผมไม่สามารถลืมสายตาและออร่าที่ทังจุนซังเท่านั้นที่ทำได้” ผู้กำกับพูดถึงการแสดงของฮงซึงฮีในบทของนามู ผู้สังเกตุเห็นความสัมพันธ์ระหว่างซังกูและกือรูว่า “ผมชอบความร่าเริงและพลังบวกแบบสุดๆที่มีแค่ฮงซึงฮีเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดผ่านหน้าจอได้” และสะกดผู้ชมให้อยากติดตามตัวละครของเธอที่จะเติมพลังให้กับเรื่องราวนี้ “นี่คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนธรรมดาที่ดำรงชีวิตในวิถีของเขาเอง ฉันหวังว่าจะทำให้รู้สึกอุ่นและสบายหัวใจคุณ” ฮงซึงฮีกล่าวทิ้งท้ายเพื่อเชิญชวนให้ผู้ชมทบทวนความคิดและมุมมองต่างๆผ่านสายตาของนามูที่ไม่มีอคติต่ออาการผิดปกติของกือรูหรือต่ออาชีพของการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ
นักแสดงและตัวละคร
“ตัวใครตัวมันนะ ใครกันแน่ที่ต้องดูแลใคร?
คุณโง่ที่เชื่อในเรื่องไร้สาระแบบนั้น”
โจซังกู
อาของกือรือและผู้ปกครอง
เขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำและหวนกลับเข้าสู่สังคมภายนอก เขาอาสาที่จะเป็นผู้ปกครองของกือรือเพื่อแลกกับการได้เงิน แต่การจะได้เป็นผู้ปกครองอย่างเป็นทางการเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับกือรูเป็นเวลาสามเดือนและทำงานในบริษัทมูฟทูเฮฟเวน ผิดกับกือรูที่คอยทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ซังกูกลับทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไม่ว่าจะไปที่ไหนและทำตามใจตัวเองจนสร้างความขัดแย้งอย่างมากระหว่างสองคนนี้ แต่เขาค่อยๆเปลี่ยนหลังเขาเรียนรู้ถึงความใส่ใจของกือรูในการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ
อีเจฮุน
หลังจากกวาดรางวัลมา 6 รางวัลสำหรับรางวัลนักแสดงใหม่ยอดเยี่ยมจาก Grand Bell Awards และ Blue Dragon Awards สำหรับการแสดงเรื่อง Bleak Night อีเจฮุนได้สร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องทั้งในหนังฟอร์มใหญ่และเล็ก เช่น The Front Line Architecture 101, My Paparotti Phantom Detective Anarchist from Colony และ I Can Speak และผลงานทีวีซีรีส์ อย่าง Taxi Driver Signal และ Tomorrow, With You กับการที่ได้เล่นเป็นตัวละครต่างๆอย่างโดดเด่นในงานแสดงหลายประเภท ครั้งนี้อีเจฮุนกลับมาในบทบาทของซังกูที่อยู่ๆต้องเข้ามาดำเนินการจัดการบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุ“มูฟทูเฮฟเวน” กับหลานของเขาที่เพิ่งรู้จักกัน ผู้เขียนบทยุนจีรยอนกล่าวไว้ว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่เห็นเขาไม่เพียงแค่ใส่ใจในตัวละครซังกูของเขา แต่เขาแสดงความรักและความรับผิดชอบต่อการทำงานให้กับทั้งซีรีส์นี้” อีเจฮุนแสดงได้อย่างละเอียดและสมจริงกับการเปลี่ยนแปลงในตัวของซังกูกับด้านความคิดในแง่ร้ายต่อโลกใบนี้และอคติต่ออาชีพเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ในระหว่างที่เขาต้องอยู่กับกือรู
“มีคนบอกผมว่า
หากคุณลองมองดูใกล้ๆ สิ่งของเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวของผู้ที่จากไป”
ฮันกือรู
เด็กหนุ่มวัย20ปีที่มีอาการแอสเปอร์เกอร์
เขาคือพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายที่ทำงานให้บริษัทมูฟทูเฮฟเวน แต่เดิมเขาเคยทำงานกับฮันจองอูซึ่งเป็นพ่อของเขา ทว่าการจากไปอย่างกะทันหันของจองอูทำให้เขาต้องเริ่มทำงานกับญาติเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่คือซังกูและนามูที่เป็นเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าเขาต้องดิ้นรนในการแสดงออกทางอารมณ์และสื่อสารกับคนอื่นเนื่องจากอาการแอสเปอร์เกอร์ แต่เขาก็สามารถเข้าใจเรื่องราวที่ถูกทิ้งไว้ของผู้จากไปด้วยพรสวรรค์ในด้านการสังเกตุและความจำเป็นเลิศและได้ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ที่จากไปและส่งสารให้ครอบครัวผู้สูญเสีย คำพูดที่ซื่อตรงและการกระทำต่างๆที่ไม่มีอคติแสดงถึงความจริงใจที่ออกมาจากใบหน้าอันเรียบเฉยของเขา
ทังจุนซัง
นับตั้งแต่การเปิดตัวของเขาจากละครเวทีเพลงโปรดักชั่นเกาหลีของ Billy Elliot the Musical ในปี 2007 ทังจุนซังได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงที่มีความสามารถพิเศษและเป็นที่รักอย่างกว้างขวางจากบรรดาแฟนละครมิวซิคัล จากโปรดักชั่นการแสดงในละครเวทีเพลงเกาหลีอย่าง Elisabeth Seopyeonje Kinky Boots Mozart! และ Les Miserables ตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวกระโดดเข้ามาสู่อาชีพการแสดงกับเรื่อง Move to Heaven จากการเติบโตในอาชีพการแสดงที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยการแสดงในเรื่องอย่าง Seven Years of Night และทีวีซีรีส์อย่าง Crash Landing on You
ทังจุนซังในครั้งนี้รับบทเป็นกือรู พนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุที่แม้ว่าจะเข้าสังคมไม่เก่งแต่กลับมีความจริงใจมากกว่าทุกคนในยามที่ต้องดูแลสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้เป็นต่างหน้าของผู้จากไป โดยที่ทั้งนักแสดงและผู้กำกับคิมซองโฮมีการพูดคุยอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าการแสดงในครั้งนี้ไม่ใช่การซ้ำเติมอาการแอสเปอร์เกอร์หรือถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือในการเล่าเรื่องของซีรีส์ แต่ถูกนำเสนอในทิศทางที่เห็นอกเห็นใจและจริงแท้ที่สุด มีความคาดหวังสูงสำหรับบทของทังจุนซังในการถ่ายทอดตัวละครที่มีความบริสุทธิ์และไร้อคตินี้ที่สามารถเห็นเรื่องราวจากสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้เป็นของต่างหน้าของผู้จากไปกับการไขความกระจ่างของเรื่องที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อนของพวกเขาด้วยความสามารถพิเศษในการโฟกัสและสังเกตุสิ่งรอบด้าน
“กือรูไม่ใช่คนโง่ แต่เขาคือคนพิเศษ”
ยุนนามู
เพื่อนบ้านของกือรูที่คอยติดตามเขาทุกฝีก้าว
เธอเอาใจใส่กือรูราวกับเป็นสมาชิกครอบครัวของเธอเอง เพราะพวกเขาได้รู้จักกันมากกว่าสิบปีตั้งแต่สมัยยังเด็ก เธอข้องใจในจุดประสงค์ของซังกูที่จู่ๆเข้ามาพัวพันชีวิตของกือรูจึงคอยจับตาดูกือรูและซังกูอย่างใกล้ชิดในนามของทนายความโอ เธอเป็นคนที่ซื่อตรง จิตใจเข้มแข็งและไม่ค่อยเกรงกลัวซังกูที่เป็นคนแข็งกร้าว และพร้อมที่จะเข้าทำงานที่มูฟทูเฮฟเวนกับพวกเขาทั้งสองโดยที่คุณแม่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย
ฮงซึงฮี
หลังจากการแสดงในทีวีซีรีส์ Navillera ที่เข้าถึงผู้ชมหนุ่มสาวอย่างมากในการไล่ตามความฝันที่มี ฮงซึงฮี รับบทเป็นเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ใน Move to Heaven กว่าจะหาแคสติ้งคนที่จะรับบทเป็นนามู ทางทีมโปรดักชั่นต้องสรรหานักแสดงมากฝีมือที่จะสามารถเล่นตัวละครที่มีหลายมิติโดยอาศัยการคัดตัวนักแสดงผ่านการออดิชั่นกว่า 100 นักแสดง และประชุมมากกว่าสิบรอบเพื่อเฟ้นหาคนที่เหมาะที่สุด ฮงซึงฮีสามารถเติมพลังบวกให้กับเรื่องนี้ด้วยจิตวิญญาณที่ร่าเริงของเธอ ในการรับบทเป็นตัวละครนามูที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักดำน้ำในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่กือรูชอบไป ฮงซึงฮีถึงกับลงไปเกาะเจจูเพื่อเรียนหลักสูตรดำน้ำ ซึ่งนี่คือสิ่งที่พิสูจน์ถึงความทุ่มเทเพื่อรับบทบาทของเธอนี้ “บางครั้งคุณจะรู้สึกซาบซึ้ง และในบางเวลาสลดใจ นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้คุณมีความรู้สึกที่หลายอารมณ์ราวกับการเจอสี่ฤดูกาลในแต่ละปี” ฮงซึงฮีเล่าถึงการแสดงในซีรีส์นี้ที่จะสร้างสีสันให้กับ Move to Heaven ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น
** นักแสดงอื่นๆที่ร่วมงานใน Move to Heaven **
ฮันจองอู (จีจินฮี)
พ่อของฮันกือรูและเป็นคนเก็บกวาดที่เกิดเหตุอีกทั้งเป็นเจ้าของบริษัทมูฟทูเฮฟเวนที่รับจ้างเก็บกวาดที่เกิดเหตุ เขาเป็นบุคคลที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนผู้สอนกือรูให้คอยสังเกตุอย่างใกล้ชิดถึงเรื่องราวที่ยังไม่ได้ถูกเล่าของผู้ที่จากไป หลังจากทราบถึงสภาวะสุขภาพที่เข้าขั้นวิกฤติเขาเขียนพินัยกรรมขอร้องให้ซังกูน้องชายที่ห่างหายไปจากเขาเป็นผู้ปกครองของกือรู
ซนยูริม (ชเวซูยอง)
เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่พบเจอกับกือรูและทีมงานของเขาภายหลังจากที่คู่สามีภรรยาสูงวัยที่อยู่ภายใต้การดูแลเสียชีวิตเพียงลำพัง เธอเป็นมืออาชีพที่ทั้งใส่ใจและเห็นอกเห็นใจเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่จากไปราวกับเป็นคนของเธอเอง
คิมซูซอล (อีแจอุค)
นักมวยที่ได้รับการฝึกสอนมวยจากซังกู เขาเคยได้รับความช่วยเหลือจากซังกูในสมัยเขาเป็นหนุ่ม เขาอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้ซังกูต้องติดคุก
อีจูยอง (ยุนจีเฮ)
พนักงานอัยการที่กองอาชญากรรม 4 แห่งกรุงโซล ที่สำนักงานอัยการภาคใต้ หลังจากไขคดีด้วยความช่วยเหลือจากกือรู เธอให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดถึงความสามารถพิเศษของกือรู
ยุนยองซู & โอมีรัน (จองซูกยง & จุงยองจู)
พ่อแม่ของนามู พวกเขาเปิดธุรกิจ “ไก่ทอดเกาหลีนามู” ซึ่งร้านอยู่ตรงข้ามบ้านของกือรู มีรันไม่เห็นด้วยกับการที่นามูอยู่ข้างกือรูตลอดนับตั้งแต่ครอบครัวของกือรูย้ายเข้ามาในย่านที่พวกเขาอาศัย เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกสาวของเขาติดตามกือรูไปทำงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุต่างๆโดยที่มีรันไม่ได้รับรู้ ยองซูยอมปล่อยผ่าน เพราะเชื่อว่าพ่อแม่ไม่สามารถที่จะควบคุมชีวิตลูกๆได้ตลอดไป
พัคจูแท็ก (อีมุนซิก)
ผู้เก็บของหลังจากที่บริการเก็บกวาดที่เกิดเหตุทำงานเสร็จเรียบร้อย เขาเห็นถึงความใส่ใจของกือรูและทีมของเขาทำงานเกี่ยวกับการเก็บกวาดจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยลังเลที่จะยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อเข้าไปช่วยทีมงานของมูฟทูเฮฟเวน
โอฮยอนจาง (อิมวอนฮี)
ทนายความที่ถูกว่าจ้างโดยจองอู เขาเป็นคนมอบเอกสารพินัยกรรมของจองอูให้กับซังกูและเรียกร้องให้เขาเป็นผู้ปกครองของกือรูเป็นเวลาสามเดือนและดำเนินธุรกิจมูฟทูเฮฟเวนกับกือรู
มาดาม (จองแอยอน)
เธอเปิดบาร์ที่จัดการประลองการต่อสู้ผิดกฎหมายที่ซังกูเคยทำงานให้มาก่อนถูกติดคุก เธอไม่เคยปล่อยซังกูออกจากเงื้อมมือเธอและทำทุกอย่างที่จะนำเขาหวนกลับมาทำงานธุรกิจผิดกฎหมายนี้อีกครั้ง
ยุนจีรยอน
บทสัมภาษณ์ผู้เขียนบท
- อะไรคือเกณฑ์ในการรวบรวมประเด็นของสังคมในแต่ละตอน?
มีคนบอกว่าทุกคนล้วนเท่าเทียมกันเวลาตายแต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันใช้เวลามากพอสมควรในการศึกษาเกี่ยวกับความตายและได้พบข้อสรุปว่าความตายก็ไม่เท่าเทียมเท่ากับการดำรงชีวิตเช่นกันค่ะ การตายที่ต้องใช้บริการเก็บกวาดที่เกิดเหตุสามารถแยกเป็นสองกลุ่มคร่าวๆคือ การเสียชีวิตไปโดยที่ไม่มีสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนในการดูแลจัดการสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่จากไปกับกรณีที่การตายมีความรุนแรงจนสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนไม่สามารถเข้ามาเก็บกวาดจุดเกิดเหตุได้ สิ่งที่ทั้งสองกลุ่มนี้มีเหมือนกันคือการตายเหล่านี้มีความโดดเดี่ยว ไม่เป็นธรรม ถูกปล่อยปละละเลย และกะทันหัน การตายทั้งหมดโดยธรรมชาติล้วนเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและปวดใจอย่างยิ่ง การจากไปที่ดีที่สุดที่คนสามารถมีได้คือการจากไปที่ทำให้คุณรู้สึกว่า “ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้เคยมีความสุขในห้วงเวลาที่ใช้ชีวิตที่อยู่ในโลกใบนี้” ฉันอยากหยิบยื่นการปลอบประโลมให้กับผู้ที่เผชิญหน้ากับการจากไปที่มีความเดียวดายและไม่เป็นธรรมให้มีน้อยลงหากคนเราสามารถเข้าหาและเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นมากยิ่งขึ้นและตระหนักว่าเวลาไม่เคยรอใครค่ะ
Q: ทำไมคุณถึงสร้างตัวละครกือรูให้มีอาการแอสเปอร์เกอร์?
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือการปูความเป็นมาที่ทำให้มีบริษัทเก็บกวาดจุดเกิดเหตุ “มูฟทูเฮฟเวน” ซึ่งถูกปรุงแต่งขึ้นมา การเข้าใจตัวละครอย่างกือรูและซังกูว่าทำไมจองอู ผู้ที่เป็น “แหล่งรวม” ความรู้ของกูรือในด้านเก็บกวาดกับวิถีชีวิตและค่านิยมที่ถูกสอนมา มีบทสำคัญมากขนาดไหนที่ทำให้กือรูมีคุณสมบัติที่จะทำให้เขาอยู่ในเส้นทางของการเก็บกวาดจุดเกิดเหตุต่อที่สวนทางกับอคติและมุมมองแง่ลบของสังคมแม้เขาจะสูญเสียพ่อของเขาไปก็ตาม สิ่งที่กือรูเรียนรู้คือการที่เขาต้องรักษาสัญญาของเขาและเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาจะใช้ชีวิตตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา ตัวเขาอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมากของโลกใบนี้ในเชิงของทักษะการอยู่รอดหรือมีความสามารถในการแข่งขัน แต่ในห้วงเวลาที่ฉันถามตัวเองว่าเราดีกว่ากือรูหรือไม่ ในเมื่อเราคิดแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเราและทำเพื่อตัวเอง สิ่งที่ชัดสำหรับฉันคือเรื่องราวของ Move to Heaven และกือรูมีความพิเศษค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news