Home
|
บันเทิงไทย

เปิดโจทย์ชีวิต ฟิล์ม รัฐภูมิ ทุกมุมปัญหาที่ถาโถมเข้ามา

Featured Image

เปิดโจทย์ชีวิต ฟิล์ม รัฐภูมิ ทุกมุมปัญหาที่ถาโถมเข้ามา ตั้งแต่บ้านเคยล้มละลายจนต้องไปขายเศษเหล็ก ปั่นไอติมขายเพื่อแลกเงิน พอชีวิตกำลังก้าวหน้าก็ถูกดึงให้ตกลงมาเพราะความสงสารพร้อมขอบคุณทุกปัญหาที่เข้ามาเพราะทำให้ชีวิตตัวเอง แกร่ง ขึ้น

 

เจอมรสุมถาโถมซัดปัญหาเข้ามาในชีวิตเป็นระลอกๆแต่แมวเก้าชีวิตอย่าง ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ก็รอดมาได้ทุกครั้ง เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show  ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวก็ได้เปิดหมดทุกมุมของชีวิตที่บางเรื่องก็ไม่เคยพูดที่ไหนขอเปิดในที่นี่เป็นที่แรก ที่เจ้าตัวต้องสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆบ้านล้มลายเพราะคุณพ่อถูกโกงจน ฟิล์ม เองกับพี่ชาย ต้องขายเศษเหล็ก และปั่นไอติมขาย พอชีวิตในวงการกำลังรุ่งโรจน์ก็ถูกดึงในตกลงมาเพราะความสงสาร แต่ในความโชคร้ายตอนนั้นก็ยังมีความโชคดีอยู่ที่มีคนรักที่เข้าใจ แต่สุดท้ายต้องจบกันเพราะความห่างไกล พร้อมเล่าเรื่องชีวิตที่ต้องอดทนกับคำดูถูกที่ ฟิล์ม บอกไม่เคยยอมแพ้และก็ต่อสู้กับโชคชะตาที่แข็งแกร่งได้เพราะครอบครัว และ ทุกปัญหาที่เข้ามาเพื่อทดสอบ

 

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ทำงานจริงๆครับ ไม่มีวันหยุดเลยเพราะว่าเมื่อก่อนศิลปินจะออกแค่ทีละเบอร์ และ ออกมาทีละคนงานมันก็เลยมารุมที่เราคนเดียว แล้วเมื่อก่อนศิลปินก็ไม่ได้เยอะเท่าทุกวันนี้ด้วยครับ จำได้ว่าเช้ามาจะแบ่งกันเลยว่าจะถ่ายละคร หรือ ถ่ายภาพยนตร์ แบ่งคิวกันแต่กลางคืนคือจะจองไปด้วยคอนเสิร์ตหมดเลยตามงานวัดหรืองานกลางแจ้งแน่นทุกคืนเลย คือผมจะต้องแบบว่าอยู่จุดไหนกองถ่ายละครจะต้องไปรอรับไปถ่ายเลยตลอดเวลา แล้วละคร 1 ปีก็จะประมาณ 2-3 เรื่องเลยบวกกับภาพยนตร์ด้วย

 

ถาม ฟิล์ม ห้างแตก คือ เคยเกิดมาแล้ว

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ใช่ครับ เพราะเมื่อก่อนนี้ห้างแตกก็คือว่าพวกแผงลอยต่างๆจะพังไปเลยเพราะว่าเวลาที่ผมเดินก็จะมีแฟนๆที่เขารัก ฟิล์ม เขาก็จะเดินตามถ่ายรูป แล้วสมัยก่อนถ่ายรูปมันจะไม่ใช่มือถือมันมีแต่กล้องใหญ่ๆแล้วเขาก็มองเลนส์กล้องมันก็เลยไปชนแผงข้างๆพังไปหใดเลยส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าก็ด่าตามมาเราก็ต้องขอโทษเขา หรือว่าอะไรที่มันเป็นแบบ feel คอนเสิร์ตที่ไม่มีอัฒจันทร์ หรือ ถ้าอัฒจันทร์ตามงานกลางแจ้งถ้าไม่แข็งแรงก็จะพังครับ เพราะว่าเขาไปรวมตัวกันสูงมาก

 

ถาม ซึ่งถือว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทำงานหนักมากทุกวันไม่มีวันหยุดเลยเช้าถึงดึกๆเลย มีความรู้สึกไหมว่าไม่น่าเลย

ฟิล์ม รัฐภูมิ : จริงๆฟิล์มมีความรู้สึกอยู่อย่างเดียวคือ มันสนุกมากเลยครับ พอได้รับโอกาสแล้วมันจะสนุกกับมันทุกครั้ง คือผมได้ไปจังหวัดนี้ๆได้เปลี่ยนที่เล่นคอนเสิร์ตไปเรื่อยๆ ได้เปลี่ยนบทบาทการแสดงไปเรื่อยๆผมเลยสนุกกับมันแล้วส่วนมาผมก็จะนอนในรถหรือบนเครื่องบินอยู่แล้ว

 

ถาม ในช่วงนั้น ถามตรงๆเลยมันผ่านมาจนถึงตอนนี้ที่เราโตมาเป็น ฟิล์ม ในวันนี้มันมีความหลงใหลระเริง ไปกับแสงสีเสียงตรงนั้นมากน้อยแค่ไหน

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือถ้าหลงระเริงในการลืมตัวต้องบอกว่าไม่เคยมีเลยเพราะว่าจะโดนคุณพ่อคุณแม่เบรกตลอด หรือ ว่าผู้ใหญ่เขาจะเบรกตลอดครับ แต่เราจะไปหลงระเริงกับเงินทองครับ คือว่า .. แบบโคตรรวยเลยตอนนั้นคือ 1 ปีคือร้อยขึ้นอะไรอย่างนี้ คือ ในยุคของผมผมก็จะซื้ออะไรสุรุ่ยสุร่ายอะไรอย่างนี้ครับ แต่โชคดีที่แม่เขาเป็นแนวแบบแบ่งของเราไปแล้วไปซื้อที่ดิน แต่ตัวเองมีแต่ของเล่นเพราะว่าเราไม่ได้เป็นเด็กบ้านรวยมาก่อน พอเรามีแล้วเราก็ซื้อของเล่นที่เราอยากได้ตั้งแต่เด็กก็ซื้อเต็มไปหมด หรือ โทรทัศน์ เครื่องเสียง รถยนต์ มันสามารถทำให้ผมมีความสุขได้ตอบโจทย์ความฝันของผมได้ผมก็บ้าบอกับตรงนั้นไป แต่พอโตขึ้นมาผมก็มานั่งคิดว่าเอาไปทิ้ง เอาไปบริจาคหมดว่าเราซื้อมาทำไมเปลืองเงินมาก

ถาม และก็มีหลายครั้งที่นักร้องดังๆมานั่งเล่าให้ฟังเมือออกไปต่างจังหวัดจะได้รับประสบการณ์แปลกๆ เช่น มีคนมาเคาะประตูห้อง เพราะเขาปลาบปลื้มเราแต่บางทีมันก็เริ่มจะเกินเส้นทางบางเส้นอย่าง ฟิล์ม รัฐภูมิ เคยเจอบ้างไหม

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ประจำครับ ต้องบอกว่าเมื่อก่อนคนจะเจอดาราคือยากมาก มันไม่มีโซเชียลให้เล่นครับ เวลาเขาเจอเราเขาจะพุ่งเขามาก่อนเลยมาจับมาสัมผัสให้ได้ แต่ว่าแปลกสุดๆที่ผมเจอแล้วแบบงงสุดคือ เมื่อก่อนเวลาศิลปินดาราไปนอนต่างจังหวัดครับ ก็จะมีผู้จัดการนอนด้วย แต่พอดีผู้จัดการของผมเขาดันไปอยู่กับห้องนักดนตรีแบบไปสังสรรค์กันต่อ แล้วห้องที่โรงแรมจะมีเหล็กกั้นกลอนเขาก็เอาเหล็กมาเกี่ยวไว้เพื่อไม่ให้ห้องมันล็อคจะได้ไม่ต้องมาปลุกผมให้ตื่นมาเปิดประตูให้เขาแล้วผมก็หลับไปเลยเสร็จแล้วผมก็นอนอยู่ดีๆแล้วผมก็คิดว่าผู้จัดการของผมเปิดประตูเข้าแต่แป๊ปหนึ่งมีคนมาค่อมผม ผู้หญิง ผมก็ตกใจแล้วพอเขาเห็นผมตกใจเขาก็กรี๊ดๆ !! แล้วเวลาที่ผมนอนคือ ผมไม่ใส่เสื้ออยู่แล้วใส่แค่กลางเกงขาสั้นเหมือนแบบบ็อกเซอร์ 1 ตัวผมก็แบบเวรแล้ว แล้วอีกแป๊ป ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาทั้งครอบครัวน้อง ทั้งทีมงานผมครับ เขาบอกมีอะไรผมก็แบบซวยแล้วคาตาเลยจะดิ้นไปยังไง แต่โชคดีที่เหมือนแบบบ้านของน้องเขาครับ เข้าใจว่าน้องเขาคลั่งเรามากอะไรอย่างนี้ แล้วสภาพที่เห็นคือ น้องเขาเป็นประจำเดือนด้วยมันก็มีเลือดติดผมอย่างนี้ แต่ผมก็บอกขอโทษนะครับ ผมก็ไหว้ครอบครัวน้องเขาคุณพ่อคุณแม่ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนะครับ แต่เหมือนเขารู้กันอยู่แล้วเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรๆแล้วเขาก็พาน้องกลับไป แต่ตัวผมเองคือ ผมตกใจมาก แล้วผมก็บอกผู้จัดการผมว่าต่อไปต้องล็อคนะพี่ไม่งั้นมันอันตราย

 

ถาม แต่กว่าจะมาดังถึงจุดนี้ที่บ้านของ ฟิล์ม ก็เคยล้มละลายมาก่อน

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ทางบ้านเคยประสบปัญหาล้มละลายเพราะว่าคุณพ่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วก็ถูกเพื่อนๆโกงแล้วก็ส่งผลมาถึงครอบครัวเรา ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจว่าล้มละลายคืออะไร แต่สิ่งที่เราเห็นเลยเนี่ยแล้วรู้สึกสะเทือนใจว่าของเล่นที่เป็นชิ้นเป็นอันมีมูลค่าเห็นว่ามันมีสติ๊กเกอร์มาแปะ เราก็ถามว่าทำไมมีสติกเกอร์มาแปะ แม่ก็บอกเราแค่ว่าอย่าไปแตะนะพอดีเขาแปะให้ดูว่าสินค้าราคาเท่าไหร่ แต่คือมันแปะเต็มบ้านเลยเราก็คิดว่ามาแปะอะไรนักหนา แต่พอตอนหลังคือผมมาได้ยินที่คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน เพราะว่าเรานอนอยู่ด้วยกัน แบบเขาก็โทษกันไปกันมาครับ เราก็เข้าใจท่านนะครับ เพราะว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไปถูกเขาโกงมาจนจะมายึดไปหมดทุกอย่าง ซึ่งที่เขามาแปะไว้คือเขาจะมายึดไปผมก็รู้สึกว่าโคตรเจ็บปวดเลย ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่องเลยนะ ยังเด็กๆแต่เรารู้สึกว่าเราทรมานแม้แต่เราไปเรียนเขายังเกี่ยงกันเลยว่าใครจะเป็นคนออกเงิน แต่เราตอนนั้นเราพกไป 10 บาทเองแต่ยังเกี่ยงกันเลยว่าใครจะเอาเงินตรงนี้ให้ลูกไปเรียนเราก็มีความรู้สึกว่าจะต้องไม่มีแบบนี้อีก นั่นคือ เหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ให้เขาทำงานกันเลยตั้งแต่เด็กๆจนโต เราเลยทำงานตั้งแต่เด็กๆเพราะด้วยความที่พ่อแม่ของเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าอยู่แล้ว เขาสอนเรามาตั้งแต่เด็กจนโตอยู่แล้ว เขาสอนเราว่าเหล็กอันนี้หนักเท่านี้ แอร์หนึ่งตัวถ้าลูกค้าทิ้งเราจะรู้เลยว่าในแอร์หนึ่งตัวตรงไหนมีมูลค่าบ้างทองแดงเท่าไหร่ เหล็กเท่าไหร่อย่างนี้ ก็เอาเศษเหล็กเหล่านี้ไปขายได้ 100-200 บาทเราก็เก็บๆกันมาหรือว่าของเก่าเราก็เอาไปวางขายตามบ้าน พอเรามีเงินเก็บจากการเอาเศษเหล็กไปขายเราวางเงิน 1000 บาทเราก็ได้รถไอติมมา พี่ชาย ปั่นส่วนผมก็นั่งอยู่ข้างหลังแล้วคอยกดปุ่มเสียงเรียกพอเด็กๆได้ยินก็มาซื้อขายหมดทุกวันเลย เราก็เริ่มเก็บออมเงินครับ ตอนหลังพอโตขึ้นสมัครงานได้ก็ไปสมัครล้างจาน แจกใบปลิว ทำงานทุกอย่างที่ผมทำได้เลยครับ

 

ถาม ชีวิต ฟิล์ม ที่เหมือนพอจะขึ้นๆก็เหมือนมีอะไรบางอย่าง คือ บางอย่างเกิดจากการกระทำของเราเอง หรือ บางอย่างที่เราไม่ได้ทำอะไรแต่ก็มีเรื่องราวมาให้แก้ให้ต้องทำเป็นโจทย์ชีวิตตลอดเวลา แต่ก็เป็นข้อดีอย่างคือ เหมือนกับฟิล์ม ก็สามารถจะเป็น ฟิล์ม ตรงไหนก็ได้ไม่ต้องเป็น ฟิล์ม ที่ทุกคนตามกรี๊ดก็ได้ อันนี้คือ ข้อดีที่สุดในชีวิตของคนเราเลย ข้อดีที่สุดคือทัศนคติและวิธีคิดที่ถูกต้องทำให้ ฟิล์ม ผ่านมาได้ตลอด เช่นเดียวกันกับโดนมรสุมลูกใหญ่เข้ามาในชีวิต จนต้องตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือ หลังจากที่ผมบวชเรียบร้อย ผมก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเพราะว่ามีพี่สาวของผมอยู่ที่นั่น การที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน้นสนุกมากครับ เพราะว่าผมรู้สึกว่าเราไม่เคยมีชีวิตที่เป็นแบบนี้เราไม่เคยมีชีวิตที่เป็นปกติคือ ตื่นเวลานี้ เรียนเวลานี้แล้วก็ทำงานเวลานี้ เพราะผมเลือกที่ไปเพราะผมไม่ได้ไปเรียนอย่างเดียว เพราะผมต้องพาคุณแม่ผมไปด้วย เพราะผมต้องอยู่ติดกันตลอดเวลาครับ คือ พอผมพาคุณแม่ไปด้วยค่าใช้จ่ายมันก็เลยเพิ่มขึ้นไปด้วยทั้งค่าใช้จ่าย ค่ากิน ที่พักผมเลยต้องมาทำงานล้างจาน ที่ร้านอาหารไทยด้วย ตอนนั้นผมก็เรียนเช้าแล้วก็ทำงานเพื่อที่จะได้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวด้วยเพราะว่าผมต้องส่งเงินมาให้คุณพ่อ พี่ ป้า น้า อา ที่ประเทศไทยด้วยเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตผมจะเลี้ยงทั้งตระกูลอยู่แล้ว คือจริงๆเงินเก็บของผมมีอยู่แล้ว แล้วผมก็จะส่งเงินเก็บของผมให้พวกเขาอยู่แล้ว แต่ว่าที่ผมต้องทำงานเพิ่มเติมเพราะว่ารายได้จะได้ไม่ขาดตอนเพราะว่าเราไม่มีงานแสดงแล้ว เราก็ทำงานล้างจานแล้วก็ทำงานทุกอย่างที่มันได้เงิน

 

ถาม เรามีความรู้สึกยังไงไหม วันนั้นเหมือนแบบน้ำตามันตกในไหม หรือ รู้สึกยังไงบ้างไหม

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือ ปกติอยู่บ้านก็ล้างจานให้คุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วเราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติเราก็ชินกับตรงนั้น แต่ว่ามันจะไม่ชินกับการโดนคำดูถูกมากกว่า เพราะว่าเรื่องล้างจานผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกนะครับ เพราะผมก็คุยอยู่กับคนในครัวหัดผัดบ้าง หัดทอด ช่วยกันกวาดพื้น เก็บโต๊ะ เก็บขยะ เป็นเรื่องปกติมากๆเลยแต่เราจะไม่ชอบตอนที่เวลาเราขึ้นไปเสิร์ฟ ซึ่งฝรั่งโอเคเขาให้เกียรติเรา แต่เวลาเจอคนไทย แล้วยิ่งเวลาที่มากับสาวด้วยอีก คือ พอสาว พี่ฟิล์ม พี่ฟิล์ม มาเสิร์ฟอยู่นี่เหรอเราก็บอกว่าใช่ครับ พอคุยเยอะๆหน่อยผู้ชายมาแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาว่ามาถ่ายรูปกับ เขาก็พูดวลีโบราณแล้ว บางทีมากอดคอมาทำอะไรที่ไร้มารยาทใส่เรา เราก็รู้สึกว่ามันโหดนะทำไมเราต้องมาอยู่จุดนี้แต่แบบมันต้องทนเพราะว่ามีเรื่องอะไรก็ไม่ได้ ผมก็แค่ไม่ชอบตรงนั้นมากกว่า และทำให้เราเรียนรู้อย่างแรกเลยคือ ว่าไม่มีคนคอยทำอะไรให้เราแล้วนะ แต่พอเราไปอยู่โน้นคือ เราต้องทำเองทุกอย่าง เดินเหินปกติ ทำทุกอย่างปกติ นั่งรถตู้รถไฟฟ้าไปเรียน เรารู้สึกว่ามันแปลกสำหรับผมแต่ผมชอบนะ แล้วผมก็เริ่มแสวงหาแบบช่องทางการทำมาหากิน เริ่มมีพรรคพวกเริ่มชวนทำธุรกิจ ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าผมไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น ผมคงไม่มีโลกแบบนี้นะ

 

ถาม แต่ ตอนนั้นที่เกิดเรื่องราวขึ้น ฟิล์ม ก็มีคนรักอยู่ แล้วคนรัก ตอนนั้นพอข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้นเปรี้ยง !! มันเกิดอะไรขึ้น

ฟิล์ม รัฐภูมิ : เขาไม่ทิ้งผมนะ แล้วเขาก็ยังตามอยู่ไปอยู่ที่อังกฤษในช่วงสามเดือนแรกด้วย ถามว่าเขาโกรธไหม ไม่โกรธเลย คือ เขาเป็นคนไทยนะครับ แต่บุคลิกการเลี้ยงดูเขาคือฝรั่ง ผมก็ประทับใจมากเพราะว่าเวลาที่เราล้มแล้วมีคนซัพพอร์ต เขาก็ไม่ได้พูดถึงที่สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ แต่เขาขำนะเขาบอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป คือ มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า เขายังแซวเลยว่ามาๆเดี๋ยวเลี้ยงให้ (ถ้าเป็นจริงนะ) ผมก็รู้สึกดีกับเขามากที่เขาไม่ว่าอะไรเราแล้ว เหมือนกับครอบครัวของเราเลย อย่างตอนที่เป็นข่าววันแรกเขาถามผมก่อนว่าเรื่องมันเป็นยังไงผมก็เรื่องให้เขาฟังทั้งหมด พอเขาวิเคราะห์เขาก็บอกว่าโอเคไม่เป็นไร คือ แบบเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ ตอนผมบวชเขาก็ไปหาผมตลอด ตอนที่ผมอยู่ต่างประเทศเขาก็ไปดูแลผมเพราะเขารู้ว่าผมจะต้องจัดการอะไรมากมาย เพราะว่าผมพาผู้ใหญ่ไปด้วยเขาก็ไปช่วยจัดการทุกอย่างให้ ทำให้ผมรู้สึกว่าแบบนี้มันมีความสุขดีนะ เพราะเมื่อก่อนที่ไปไหนมาไหนก็ต้องแอบ ต้องใช้คำนี้เลยแต่พอเราไปอยู่ชีวิตแบบนั้นมันไม่ต้องแอบ มันมีความสุข

 

ถาม แต่ความรักที่ดูเหมือนแฮปปี้มากๆก็น่าจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆแล้วเกิดอะไรขึ้น

ฟิล์ม รัฐภูมิ : เพราะถึงเวลาที่เขาต้องกลับเพราะต้องมาทำงานเดือนแรกยังทรงๆด้วยความห่างไกลครับ แต่พอเดือนที่สองเริ่มไม่ค่อยโทรคุยไม่ค่อยอะไร เพราะเมื่อก่อนไม่ได้วีดีโอคอลคุยกันง่ายๆเหมือนตอนนี้ เดือนที่สองเขาเลยคุยกันแบบแมนๆ เขาก็บอกเราว่า ฟิล์ม เราเหงาเลิกกันนะ ผมก็แบบ..เหรอ ผมก็โอเค ได้ถ้าคุณคิดว่าดีแล้วก็โอเค เราก็อกหักแล้วก็รู้สึกแบบเสียใจมากเป็นอีกครั้งที่ผมเสียใจมากแบบเราไม่มีใครเลยนะ ไม่น่าไปช่วงนี้เลย แต่ว่าถ้าเราพูดว่าอย่าไปเลยมันดูว่าเราเห็นแก่ตัวก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรดีแล้วไปเถอะ ซึ่งปากเราก็พูดว่าไม่เป็นไรแต่จริงๆคือใจเราเป็นหนักมาก แต่ที่เสียใจมากกว่านั้น คือ พอผ่านไปประมาณ 1-2 วัน ผมก็โทรกลับไปหาแฟนเก่าอีกคนหนึ่งเพื่อที่จะบอกเขาว่าผมอกหักนะ ผมโสดนะ เราก็ถามแฟนเก่าว่าทำอะไรอยู่เหมือนพูดคุยกับเพื่อนกลายเป็นพีกกว่าเดิมอีกเพราะแฟนเก่าบอกว่าตอนนี้กำลังจะแต่งงานแล้ว เราก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปคบกับแฟนเก่านะครับ แต่เรารู้สึกว่าอะไรก็ได้แต่ขอให้มีที่พึ่งก่อนตอนนั้นเพราะว่าผมดาวน์หนักมากแล้วแบบหน้ามืดไม่รู้จะทำอะไร แต่พอได้ยินแบบนั้นยิ่งดาวน์หนักกว่าเดิม เคว้งคว้างเลยครับ เราก็เดินงงๆอยู่ที่นั่น ร้องไห้ด้วยอีกครั้งอีกแล้วเหรอเนี่ย ในเรื่องของความรักเรียกได้ว่าเป็นปีสองปีที่โหดสุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้สุดๆเลยครับ

 

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือความซวยของผมยังไม่ผมเท่านี้ครับ ความซวยของผมคือ ผมดันไปพลาดตั้งแต่ผมไปอังกฤษด้วยแหละ คือ เรียกมันหนาวแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรทำคือผมก็ไปพลาดเข้าคาสิโน (ซึ่งเป็นบ่อนที่ถูกกฎหมายที่บ้านเขานะครับ) ความบรรลัยเกิดเลยครับ คือผมเข้าไปเพราะความแบบมันหนาว เราคิดแค่ว่าสนุกๆนะแล้วด้วยความที่เราไม่เคยเข้าไปเล่นพอได้เล่นแล้วมันสนุกมากอะไรอย่างนี้ ผมก็เริ่มติดเลยครับ เริ่มแบบสนุกแล้วคือช่วงแรกคือมันได้มันเลยสนุกไปหมด ทำให้เรารู้สึกว่าเราเจอทางแล้วเจอช่องทางในการหาเงินของเราแล้ว พอเรียนเสร็จมาเล่นเพราะเราคิดว่านี่แหละคือช่องทางหารายได้ของเรา แล้วมีช่วงหนึ่งคือหน้ามืดครับ โดนจนหมดตัวเลยครับ ซึ่งเป็นงบที่เราเตรียมเพื่อเอาไปเรียนไปใช้ที่นั่นคือ ผมเตรียมไว้ 1 ปี แล้วมันมาหมดช่วงแบบประมาณ 3-4 เดือนแรกครับ เพราะว่าผมดันพลาดดันสนุกไปผมเลยเล่นไม่หยุดแล้วมันเสียปุ๊บแล้วหน้าของผมมืดเพราะว่าเราอยากได้คืนๆอย่างนี้ ก็เลยเอาเงินเก็บของผมไปเล่นต่อๆอย่างนี้ นี่คุณแม่ไม่รู้เลยนะครับ หมดไป 1 ล้านบาท ภายในวันเดียวตอนนั้นผมก็เกือบบ้าเลยครับ แต่ว่าผมก็แบบ..ซวยแล้วทำไงดี ซึ่งผมเข้าใจเลยว่าคนหน้ามืดแล้ววินาทีสุดท้ายชีวิตเป็นยังไง ผมก็นั่งท้อๆอยู่เราจะไปยังไงงานแสดงก็ไม่มี ถูกพักงานเกือบๆ 2 ปี แล้วเหลือเวลาอีกเป็นปีกว่าเราจะได้มีโอกาสกลับไปทำงานใหม่ ทำอะไรก็ไม่ได้วันๆล้างแต่จาน เราก็รีบโทรหาพี่ชายเลยว่าขายรถให้หมดเลย พี่ชายก็รีบขายรถให้แล้วเขาก็รีบโอนเงินส่วนหนึ่งมาให้เพื่อให้ผมประคองชีวิตต่อ แต่ทีนี้สะดุดแล้วกับการที่ผมกะว่า 2 ปีจะเพียงพอแต่หลังจากที่เสียไปหมดคือไม่เพียงพอล่ะเราก็ทำไงดี แต่สัปดาห์กว่าๆกว่าที่เราจะได้สติกลับคืนมาพอเราได้สติกลับคืนเราก็เริ่มหางานๆทำงานๆ ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้บอกคุณแม่เลยว่าเราไปเล่นพนัยแล้วเสียหมดเพราะว่าเราทำให้คุณแม่เสียใจอีกไม่ได้แล้วเพราะเขาเสียใจมามากแล้ว คือ เขาจะเสียใจอีกไม่ได้

 

ฟิล์ม รัฐภูมิ : หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มไปทำงานตามผับบาร์ที่แบบชงเบียร์ คือ ชีวิตของผมในแต่ละวันคือ เช้าเรียนช่วงบ่ายว่างอยู่ ช่วงเย็นเสิร์ฟอาหาร ช่วงหลังสี่ทุ่มไปอยู่บาร์เบียร์ แล้วก็คำนวณเวลาว่าเราเหลือเวลาตรงไหนอีก อ๋อ .. เหลือเวลาช่วงบ่ายอีกเราก็ไปสมัครส่งgrab ปั่นจักรยานส่งข้าวตามบ้าน ยังเหลือเวลาอีกไปยืนขายตั๋วฟุตบอล เพราะว่าร้านอาหารที่ผมอยู่คือจะอยู่ติดกับสนามฟุตบอลเชลซีเลย แล้วก็จะมีตั๋วฟรีที่สปอนเซอร์เขาให้ร้านอาหารไทยมาแล้วเขาเบื่อที่จะไปดูกันแล้วผมเลยไปขอพี่สาวมาว่าผมขอไปดูนะผมก็ไปยืนขายทุกอย่างที่มันได้เงิน แล้วพอผมไปยืนขายก็จะมีคนมาทักแล้วขอถ่ายรูปกับเรา พอถ่ายรูปเสร็จมีตั๋วบอลยังผมมีนะขายถูกๆเอาไหม แล้วเราก็เริ่มเห็นช่องทางอ๋อ..มันต้องไปสมัครบัตร VIP ถึงจะได้ส่วนลด 40 เปอร์เซ็นต์ ผมก็ไปเจรจาธุรกิจบอกเขาว่าผมอยู่ร้านอาหารไทยนี่ๆนะ เขาก็สมัครบัตร VIP ให้ผมแล้วผมก็ไปยืนทุกครั้งที่สนามเมื่อมีการแข่งเพราะว่ายังไงก็มีคนไทยไปดูอยู่แล้ว ผมก็ฟอร์มว่าผมจะไปดูบอลนั่นแหละ แล้วก็มีคนมาขอถ่ายรูป ผมก็ขายตั๋วบอลให้เขา แล้วผมก็มานั่งคำนวณเวลา จันทร์ถึง ศุกร์ ตารางเวลาของผมคือ เต็มแน่นมากแต่เสาร์ ถึง อาทิตย์ ยังเหลือเวลาอยู่เลยประกาศทางเฟสบุ๊คว่าผมอยู่ที่นี้นะ ใครอยากให้ผมไปร้องเพลงตามร้านอาหารไหม คือตอนนั้นผมทำทุกอย่างเลยครับ แล้วพอเราประกาศไปเสร็จคือร้านอาหารไทยคือ จองคิวเราเต็มเลยใจเราก็ชื่นใจขึ้นมาคือมีรายการแล้ว แต่มันมาปั่นทอนผมตรงไหนรู้ไหมครับ คือเมื่อก่อนขึ้นเวทีคือ 200,000 บาท แต่ที่นั่นคือ 50,000 บาท แต่ที่นั่นคือไม่มีอะไรเลยโล่งๆไม่มีเวทีเราก็ยืนร้องกับลำโพงตัวเดียว ตอนแรกเราก็รับไม่ได้แต่เราก็ต้องอดทนสู้เพื่อเงิน เพื่อแม่ เพื่อทุกคน เรารู้สึกว่าการร้องเพลงของเราที่นั่นเราเหมือนเด็กนั่งดริ้งก์มากกว่าเพราะเดี๋ยวโต๊ะนั่นเรียก โต๊ะนี้เรียก เราก็กลับมานั่งคิด ได้เงินเราก็ดีใจ แต่เราก็รู้สึกว่ามันขนาดนี้เลยเหรอชีวิต เราก็มานั่งคิดเพราะความโลภ ความที่เราไปเล่นเสียอย่างนี้ เพราะการกระทำที่เราทำทั้งนั้น ผมเลยมานั่งคิดมันจะพลาดอะไรอีกไหมในอนาคตเนี่ย

ฟิล์ม รัฐภูมิ : พอวันนั้นคือ ผมกลับมาบ้านแล้วผมมานั่งกำเงินแล้วคิดจะไปต่อหรือว่าอย่างไรอะไรอย่างนี้ แล้วผมก็นั่งคิดแล้วพลิกชีวิตผมเลยวันนั้นว่ามันจะต้องไม่พลาดอีกแล้วชีวิตนี้ คือ ถ้าพลาดอีกมันอาจจะไม่มีดวงประคองชีวิตนี้ไปได้อีก การพนันเลิกหมดเลยครับ แต่สิ่งที่เราทำแล้วพลิกชีวิตคือแบบมันจะต้องไม่มีคำว่าพลาดอีกแล้วเพราะมันอาจจะไม่ได้มีดวงแบบนี้ที่ร้านอาหารเขารักเราหรือจ้างเราแบบนี้อีก พอพลิกชีวิตวันนั้นเราบอกกับตัวเองว่าเราต้องสู้ หลังจากนั้นเราก็มาวางแผนเลยว่าผมต้องทำธุรกิจอะไร ก็เลยทำให้เราเริ่มที่จะสร้างธุรกิจที่เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเลยครับ

 

ถาม ตอนนั้น คุณแม่ เองก็มีมุมที่ทำให้เราเห็นว่าคุณแม่เองก็รับได้ทุกอย่างเหมือนกัน จะให้เดินทางไปรับย้อมผม

ฟิล์ม รัฐภูมิ : อันนั้นคือภาพที่ผมแบบสะเทือนใจที่สุดในชีวิตเลยเพราะตัวผมเองผมเจออะไรผมรับได้ แต่ที่ผมเห็นแม่อันนั้นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตผมด้วยว่าผมรับไม่ได้เพราะว่าผมห้ามให้พ่อแม่ หรือ ครอบครัวของผมไม่ให้ทำงานตั้งแต่ที่ผมอายุ 17 ปีผมบอกว่าผมจะเลี้ยงเอง แล้วผมทำแบบนั้นมาได้ตลอดเลยผมเลี้ยงทุกคนเลย เลี้ยงคุณย่าผมจนท่านลาไปเลย แต่ภาพที่ผมเห็นวันนั้นที่ผมอยู่อังกฤษแล้วคุณแม่ผมเขาเบื่อแล้วเขามีความรู้เรื่อสักคิ้ว เรื่องยอมผม เสริมสวยเขาเลยออกไปทำงานตามร้านตัดผมไทย นั่นแหละครับที่เป็นภาพที่ผมเห็นแล้วแบบทำไมมันต้องมาเป็นแบบนี้ คือ แม่ต้องมานั่งรถเมล์ ซึ่งเวลาที่เขากลับมาแล้วเขาเล่าให้เราฟังคือเขาหัวเราะได้เพื่อน แต่ลึกๆผมเจ็บปวด ผมไม่ชอบ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขาก็พยายามบอกแต่ในมุมดีๆให้ผมฟัง แล้วบางครั้งผมบอกว่าผมไปเรียนแล้วนะ แต่ผมแอบดูแม่ คือ เรื่องนี้ผมไม่ได้เล่าที่ไหนเลยนะครับ คือ ผมแอบดูแล้วผมน้ำตาร่วง แล้วแม่ก็เดินออกไป (คือ ภาษาอังกฤษแม่คือไม่ได้เลย) แต่เขาแบบไปสู้ชีวิตออกไปนั่งรถเมล์ พอผมเห็นแม่ผมเกาะรถเมล์ ผมแบบตั้งแต่ผมอายุ 17 ปี เราไม่เคยทำให้เขาเป็นแบบนี้เลยนะ แต่ความผิดพลาดของเราทำไมทำให้เขาเป็นแบบนี้เลย ซึ่งเขาก็บอกเราว่าเขามีความสุขแต่ผมคิดว่าเขาไม่มีความสุขเพราะว่า คือ ใคามันจะไปรับได้แบบว่า ไม่ใช่การติดดินไม่ใช่ใครรับไม่ได้ แต่ใครจะไปรับได้ตอนที่แบบเพราะสิ่งที่เขาจะไปเจอผมรู้ว่าเขาต้องไปเจออะไร แม่ฟิล์มเหรอทำไมมาตัดผม ทำไมมาทำอย่างนี้ ผมเข้าใจว่าแม่แกร่งมาก เพราะว่าเขาได้ทุกอย่างมากจากแม่เพราะว่าแม่เป็นแบบอย่าง

 

ถาม แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ สามารถจะสู้ได้กับทุกอย่าง นั่นคือ คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งวันนี้ก็คือพลังหลักที่ทำให้ ฟิล์ม เดินหน้าต่อไปในชีวิตได้มีอะไรอยากฝากถึงท่านบ้าง เพราะคิดว่าท่านน่าจะดู Club Friday Show อยู่แน่นอน

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ขอบคุณครับที่ทำให้ผมมีความคิดที่ดีแบบนี้นะครับ แล้วก็เป็นพลังสิ่งเดียวเลยที่ทำให้ผมผ่านไปได้ในทุกๆเหตุการณ์ในชีวิตเลย คือ ผมมองว่าสิ่งที่คนเรายึดเหนี่ยวได้ดีที่สุดครับก็คือ คุณพ่อคุณแม่เราเนี่ยแหละครับ แล้วทำให้ผมผ่านไปได้ในทุกด้านชีวิตจริงๆ แล้วสิ่งที่ผมทำในทุกวันนี้คือ ผมกอด ผมหอม ในทุกๆตั้งแต่ผมเกิดจนถึงทุกวันนี้ยังทำเหมือนเดิมเลยแล้วก็คือ ทำให้ท่านมีความสุข

 

ถาม นั่นหมายความว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่จะเข้ามาเป็นความรักของ ฟิล์ม ก็ต้องมีความรักกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ใช่ครับ นี่คือ จุดอ่อนผมเลยแต่ยังไม่มีใครชนะ แล้วก็ยังไม่ใครมาขยี้จุดอ่อนตรงนี้ผมเลย ถ้าคนเขารู้นะแล้วมาจับตรงนี้นะผมตายเลย ทั้งๆที่ผมพูดมาตลอดแต่ไม่มีใครรู้นะ แต่อาจจะเพราะว่าแม่ผมดุด้วย หน้าแบบร็อกๆหน่อย คือ อาจจะกลัวพอเข้าไปเขาเลยถอยตรงนี้คือ กุญแจ สำคัญเลยแค่คลิกตรงนี้ได้คือจบเลยผม

 

ถาม ในอีกมุมหนึ่ง..คือ ที่คุยกับเมื่อกี้คือ ความมั่นคงหมดเลย แต่ในมุมของความรัก ฟิล์ม คิดว่าเรากลายเป็นคนเย็นชากับความรักหรือเปล่า

ฟิล์ม รัฐภูมิ : จริงๆแล้วมันเป็นแบบนั้นไปบ้าง เพราะผมก็มองว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหนี่งอายุเยอะแล้วด้วยมันเลยเย็นชาไปตามวัย แบบมันแสวงหาความมั่นคงมากกว่าสิ่งอื่นใดเพราะว่าเราไม่รู้ว่าเราจะไปตอนไหนเลยชีวิตก็เลยมองว่าสิ่งเดียวที่มันจะตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง แล้วทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุข หรือผู้มีพระคุณของผมต่างๆมีความสุขเนี่ย มันคือ ผมต้องมีความมั่นคงก่อน ถึงจะช่วยคนอื่นเขาได้ครับ เพราะถึงวันนี้ ผมก็ยังดูแลทุกคนครับ

 

ถาม ฟิล์ม คิดว่าวันนี้เราเย็นชากับคนรักด้วยหรือเปล่า

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือ จริงๆในมุมของความรัก คือ ดำเนินเหมือนเดิม เหมือนคนทั่วๆไปนะครับ เดินเหินกินข้าวปกติครับใช้ชีวิตปกติมากๆนะครับ แต่เพียงแค่ผมไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร เขาจะรู้ไหมจุดอ่อนผมอยู่ตรงไหน เขาจะรู้ไหมว่าเขาต้องทำอย่างไร อันนี้ คือ มันเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันไปครับ

 

ถาม มาถึงวันนี้แล้วกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เชื่อว่ามีหลายคนเข้าใจ ฟิล์ม ผิดจนถึงวันนี้ก็ยังอาจจะเข้าใจผิดอยู่ มีโอกาสได้มาดูมาฟังกันวันนี้ ฟิล์ม มีอะไรที่อยากจะบอกทุกคนบ้าง

ฟิล์ม รัฐภูมิ : จริงๆเอาแบบว่าผมขอบคุณทุกปัญหาแล้วกันครับ ที่มันเข้ามาในชีวิตผม ถ้าไม่มีปัญหาผมจะไม่เป็นคนแบบนี้เลย ผมก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ผมไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน ถ้าไม่มีปัญหาที่มันมาผลักดันให้ชีวิตผมต้องสู้แบบนี้อยากขอบคุณมากๆที่ทำให้ผมรู้ว่าชีวิตในการวางแผนในแต่ละอย่างมันสำคัญแล้วมันก็จะไม่เกิดความประมาทซ้ำๆซากๆอีกเพราะว่าเราเกิดขึ้นมาแล้วเรารู้อยู่แล้วว่าผมที่มันเกิดได้กับการกระทำมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอบคุณทุกปัญหาที่ทำให้ผมแกร่ง

 

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

https://youtu.be/4u3jKNv7T9E

https://youtu.be/g5P2ggEQz60 

https://youtu.be/yJx9XE8ucHc

https://youtu.be/aBHAer6OOuQ

https://youtu.be/7y0GYRmA2ks

https://youtu.be/LfXjgu-qm0I

https://youtu.be/dhET8xdP6QM

https://youtu.be/TVzAXcwTRTo

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube