ชีวิตจริงไม่ตลกเหมือนหน้าจอ ชมพู่ ก่อนบ่าย เปิดความลับเคยเกือบเป็นอัมพาตเพราะผิดหวังมากกับความรัก บอย สามีสุดที่รักแฉยับเหมือนเก็บกดมานาน
เป็นนักแสดงอารมณ์ดีที่อยู่หน้าจอคอยสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับแฟนๆตลอด สำหรับ ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์ หรือ ชมพู่ ก่อนบ่าย ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยว่าในชีวิตจริงที่ผ่านมาในอดีตตัวเองไม่ได้ตลกหรือมีรอยยิ้มเลยโดยเฉพาะในเรื่องของความนี้ที่โหยหา และตามหามาตลอด รักๆเลิกๆผิดหวังนับไม่ถ้วนจนเคยเกือบคิดสั้นทำร้ายร่างกายจนเกือบเป็นอัมพาต แต่สุดท้ายก็ได้เจอรักแท้คุณบอย พ่อของลูกคนนี้ ที่ได้มาเปิดใจผ่านรายการเหมือนเก็บกดมานานถึงภรรยา
ถาม จริงๆโดยส่วนตัวของ ชมพู่ เองเราเป็นคนโหยหาความรัก ขาดความรักหรือเราเติบโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหนใน คาแรกเตอร์จริงๆมองย้อนกลับในวันนี้
ชมพู่ ก่อนบ่าย : ถ้ามองย้อนกลับไปหนูว่าหนูเป็นคนโหยหาความรักทั้งที่จริงๆครอบครัวไม่ได้แบบว่าไม่อบอุ่นนะคะคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาดีมากให้ความรักดีมาก แต่เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ หารายได้เสริมด้วยการร้องเพลง รับจ้างต่างๆเรารู้สึกว่าเราหาเลี้ยงครอบครัว หาเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งที่มันมาทดแทนในเรื่องของความเหนื่อยตรงนี้สำหรับเรานะคะ คือ คนที่มาเติมความรักเราก็เลยโหยหาคนที่ให้ความรัก ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้ได้จากเขาหรอกเราเป็นคนวิ่งไปหาเอง ซึ่งมันก็เลยได้แบบทุลักทุเลหน่อยก่อนหน้านี้ค่ะ เพราะเราก็ได้ผ่านความเจ็บอะไรมาเยอะเหมือนกัน เป็นปกติของความรักเลยคือ ถ้าย้อนกลับไปแล้วเรามานั่งมองตอนนี้นะคะ มันเป็นเรื่องอะไรที่เล็กมากๆเลย สำหรับการใช้ชีวิตในเรื่องชีวิตคู่อย่างนี้ค่ะ แต่ ณ ตอนนั้นเรามีความโหยหา คาดหวังเยอะในเรื่องของความรักในเรื่องของชีวิตคู่ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างงี้ จริงๆแล้วที่ผ่านมาเราคอยแต่จะโทษเขาตลอดเลยเราไม่เคยโทษตัวเองเลยที่ผ่านมา ความรักทุกครั้งที่ผ่านมาจะโทษเขาว่าเขาไม่ดีทำให้เราไม่ได้ เขาทำผิดแต่บางทีเราลืมย้อนกลับมาดูตัวเราเองว่าตัวเองนี่แหละมันก็มีส่วนบกพร่องเราก็เป็นคนที่ทำไม่ดี เราก็เป็นคนที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเรานึกไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นกับความรักหนูจะรู้สึกตีโพยตีพายแล้วก็ฟูมฟายทำให้เราเลิกหรือจบทุกครั้งมันก็เจ็บ ถ้าเกิดมานั่งมองย้อนไปตอนนี้แล้วย้อนไปจะรู้สึกว่าเราก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่แค่เขาที่ผิดต้องบอกเลยว่าความรักที่ผ่านมาคือจบทุกครั้งและเจ็บทุกครั้ง แล้วก็เจ็บเพราะตัวเราเองนี่แหละค่ะ มันก็ทุกข์กับตัวเองนี่แหละค่ะ พี่ฉอด เพราะว่าเราคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วความรักจริงๆมันคือ อะไร เพราะตอนนั้นเราคิดได้แค่ว่าความรักคือการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากให้เขาเป็นแบบที่ตัวเราอยากให้เป็นการใส่ใจมากๆตัวต้องติดกันตลอดการไม่ได้ให้พื้นที่หรือให้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละคนแต่ทุกครั้งเราจะเป็นคนถอยมาเอง แต่ก็จะรู้สึกว่าเพราะคุณผิด ฉันดี ฉันไป แล้วก็ไปหาคนใหม่ แต่จริงๆแล้วเรานี่แหละก็มีข้อบกพร่องที่ทำให้เรากับเขาไปต่อไม่ได้ แต่ตอนนั้นคิดไม่ได้
ถาม แต่สิ่งที่ ชมพู่ เจอมาก็ไม่เบาเลย เช่น คนของเราไปกิ๊กกั๊กอะไรกับคนที่เรารู้จัก
ชมพู่ ก่อนบ่าย : จับได้ว่าไปมีคนอื่นกับคนที่เรารู้จักคนรอบตัว ณ ตอนนั้นถามว่าเจ็บไหม มันก็ตีโพยตีพายอีกค่ะ ก็จะว่าเขาไม่ดีทำไมเขาถึงนอกใจแล้วทำไมคนใกล้ตัวเราทำไมถึงทำกับเราแบบนั้น ซึ่งมันเป็นช่วงจังหวะบังเอิญที่เราได้รู้จากเพื่อนเราอีกทีว่าไปเห็นภาพแล้วก็มารายงานเราอีกทีหนึ่งวันที่รู้เราก็ค่อนข้างเจ็บแล้วก็โวยวายแล้วก็เลิกเลย แต่พอมานั่งย้อนวันนี้ อย่างที่เราบอกเราเองหรือเปล่าที่เราทำให้เขาอยากไปมีคนอื่นเองหรือเปล่า
ถาม ทำไมถึงคิดว่าเราเป็นคนที่ทำให้เขาทำแบบนั้น
ชมพู่ ก่อนบ่าย : เพราะว่าเราเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองพอเราดูแลตัวเองเราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงมั่น เราทะนงในตัวเองเราจะรู้สึกว่าผู้ชายจะต้องฟังเราหรือตามเราดังนั้นในการคบกันเราอาจจะไปคุมชีวิตเขาทำให้เขาไม่มีความสุข ไปออกคำสั่งหรือว่าทำตัวเองประพฤติตัวเองที่มันไม่ได้น่ารักหรือไม่ได้เป็นแบบที่ผู้ชายต้องการ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราไม่ได้มองข้อเสียของเราตรงนี้เลยเราแค่รู้สึกว่าฉันทำดีแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีแล้ว ฉันทำให้เธอทุกอย่างแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ เลยมาย้อนมองตัวเอง ข้อเสียก็อยู่ที่เราเยอะเหมือนกัน
ถาม เห็นว่ามีจังหวะหนึ่งที่แอบคิดสั้น
ชมพู่ ก่อนบ่าย : มีแว็บๆค่ะ แต่มันก็ไปไม่ถึง เพราะจะมีเรื่องครอบครัวแว็บขึ้นมาก่อนแล้วก็เรื่องของภาระหน้าที่ มันมีอะไรรอเราอยู่เยอะมากเลยค่ะ อยากตัดปัญหาให้มันจบไวๆเหมือนกัน แต่ว่าพอจะไปปุ๊บ .. อ้าว ไม่เอาดีกว่ายังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะเลย
ถาม เหมือนหลายๆคน เวลาที่มันทุกข์ถึงที่สุดทำไมไม่รู้ว่าถึงคิดว่าแบบตายดีกว่า แต่สุดท้ายแล้วพอคนที่รอดชีวิตคือผ่านตรงนั้นมาได้ทุกคนก็จะมองกลับไปว่าโอ้โห้...ถ้าวันนั้นทำตัวอะไรไปเสียดายแย่เลย
ชมพู่ ก่อนบ่าย : มากค่ะ ถ้าวันนั้นหย่อนตัวเองลงมาจากตึกแล้วโพละลงมา ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือได้เห็นคุณค่าของความรักเหมือนทุกวันนี้เลยก็โชคดีที่ไม่ได้พลั้งลงมา คือเราเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุด พี่ฉอด เวลารักคือรักให้สุด จะเรียนรู้เรื่องการเจ็บก็เจ็บให้สุด สมมุติว่ารู้ว่าไปกันไม่รอดคือเราจะทำให้เจ็บเยอะมากเราก็จะใช้เวลาก่อนที่จะแยกจากกันมีความสุขมากที่สุด แล้วเวลาอกหักแต่ละครั้งเราก็จะจมกับมันให้ลึกที่สุด ทิ้งตัวเองอยากจะแบบลางานอยู่กับตัวเองไม่ทำงานปล่อยชีวิตให้มันแบบเป็นไปค่ะ แล้วพอมันสุดไปแล้วพอมันสุดถึงแบบสุดซ้ำอยู่ที่เดิมไม่เห็นมันมีอะไรดีขึ้นมาเลยเงินทองก็ร่อยหรอลงไปพ่อแม่ก็ไม่ได้เจอหน้า ตัวเองร่างกายก็ไม่ดี มันเหมือนจุดที่คิดได้เอง มันอธิบายไม่ถูกว่ามันพลิกกลับมาได้อย่างไร แต่มันเหมือนมองกระจกแล้วคิดได้เอง นี่เราอายุเท่าไร เราจะเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกเท่าไหร่ แล้วถ้าเราเปลี่ยนตอนนี้ ชีวิตที่เหลือของเราอาจจะใช้แบบมีความสุขก็ได้ค่ะ ก็โชคดีที่เราค่อยๆดึงตัวเองออกมา
ถาม จริงๆต้องบอกว่าเพราะความรักครอบครัวของชมพู่มั้ง คือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะเห็นอันหนึ่งคือชมพู่เป็นคนที่รักครอบครัวมาก อาจจะเป็นอีกทางที่ช่วยรั้งทำให้เราดึงตัวเองว่าเอ้ย … คุณพ่อคุณแม่นะๆไปตลอดเจอความรักผิดหวังซ้ำๆเราเคยคิดไหมว่าเราไม่น่าจะมีความรักอีกแล้ว เข็ดกลัวไปเลย
ชมพู่ ก่อนบ่าย : ไม่มีค่ะ หนูเป็นคนแบบความรักมีไว้ให้พุ่งชน ถึง ณ ตอนนั้นถึงแม้จะเจอเจ็บปวดขนาดไหน แต่เราก็ใช้เวลาน้อยมากในการเปิดใจและศึกษาคนใหม่แล้วพอเปิดใจก็เจ็บอีก อ้าว .. ก็ลุยอีก เป็นคนลุยค่ะ สมัยก่อนคือเป็นคนที่สู้กับความรักมาก ก็เลยไม่ค่อยปล่อยตัวเองให้พักหรือว่าเว้น หรือว่าเข็ด
ถาม แล้วเห็นความกับความรักครั้งหนึ่งที่เราพุ่งชนตลอดทำให้เราเป็นอัมพาต เพราะอกหัก
ชมพู่ ก่อนบ่าย : อันนั้นจะบอกว่าเป็นผลพวงจากภาวะเครียดของเราด้วย แต่เวลาใครถามก็จะบอกว่าเฮิร์ตอกหัก แต่จริงๆแล้วมันก็มาจากการที่เราไม่ดูแลตัวเองเราไม่มีความสุข เราร้องไห้มีความทุกข์มากๆเราก็เลือกที่จะไประบายกับเพื่อนไม่พักผ่อนไม่ดูแลตัวเองไม่รักตัวเอง เลือกที่จะปาร์ตี้สังสรรค์ใช้ชีวิตแบบไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวเองค่ะมันก็ผนวกกันบวกกับเครียดอีก มันก็น่าจะเป็นเพราะระบบในร่างกายตีกันทุกอย่างทางการแพทย์เรียกว่า Stroke ค่ะเหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราว แบบมันอยู่ๆก็ชาซีกหนึ่งอย่างนี้เราก็เริ่มรู้สึกว่าเอ๊ะ .. ทำไมมือชาเริ่มไม่รู้สึก ทำไมมุมปากเริ่มตกๆนิดๆ เราก็รู้เลยว่าอาการของเราไม่ปกติก็เลยรีบไปหาหมอ พอไปเจอหมอก็อธิบายว่า..มันเป็นอาการเหมือน Stroke ชั่วคราวอย่างนี้ค่ะ พอเราได้ยาละลายลิ่มเลือดได้พักผ่อนแล้วก็ได้พักฟื้นสักพักหนึ่งอะไรอย่างนี้ค่ะ มันก็ดีขึ้น
ถาม ความยากอย่างหนี่งด้วยไหม เพราะ ชมพู่ เป็นสัญญาลักษณ์ของความฮาและความสนุก เวลาที่เราทุกข์ คนที่มองเข้ามาจะทุกข์อะไรเพราะเราดูเป็นคนที่มีความสุขตลอดเวลาแต่จริงๆมันเป็นความขัดแย้งในตัวเองเหมือนกันที่เราจะต้องพยายามสดใสร่าเริงที่ต้องทำให้คนอื่นมีความสุข ในขณะที่ต้องกดกับความทุกข์ของตัวเอง
ชมพู่ ก่อนบ่าย : ใช่ !! ช่วงนั้นเป็นจริงๆเลยค่ะ เวลา 5-4-3-2 เล่นได้ฮาเลย แต่พอคัตปุ๊บไม่มีเจ้าฉากอะไรเราก็จะนั่งดูโทรศัพท์ ถ้าเจอข้อความอะไรจี๊ดๆก็ร้องไห้อะไรอย่างนี้ หรือใครมาพูดแตะนิดนึง( กับประโยคนี้ วางมือบนบ่าน้ำตาก็ไหลค่ะ) มันจริงๆเลยเวลาเจอเพื่อนอย่าแตะไหล่ พอแตะปุ๊บ!! คือ น้ำตาไหลเป็นสายน้ำเลย แต่เวลาหน้าจอที่เราต้องแสดงเรารู้สึกว่ามันคือหน้าที่เป็นงานก็ต้องทำให้ได้
ถาม ในช่วงนั้นของเรามีคนใกล้ตัวเตือนไหม อาจจะใช้ชีวิตหรือวิธีการของเราอาจจะใช้ชีวิตหรือวิธีการของเราโดยเฉพาะกับเรื่องของความรักหรือแม้แต่เรากับคนรักมันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเหมาะสมนะ เราเจ้ากี้เจ้าการ เราจัดแจงเรามั่นใจเกินไป
ชมพู่ ก่อนบ่าย : ในเรื่องของวิธีการทำตัวคนรอบข้างจะเตือนในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วว่า… ไปกันไม่ได้หรอกหรือว่ามันมีเรื่องนี้อยู่นะทุกคนรู้แต่เราไม่รู้อะไรอย่างนี้ มันก็จะมีการเตือนในแบบนี้มากกว่าว่าหยุดไหม จบไหม ทำให้หนูเข้าใจเลยทุกวันนี้เวลาใครพูดถึงเรื่องความรักนะ หนูจะไม่เข้าไปแทรกหรือเข้าไปแนะนำเลิกหรือคบเลย เพราะว่าตัวเราผ่านมาก่อนในฐานะที่แบบ.. เลิกเถอะ (อย่าเลิกพี่ อยากเลิกใจจะขาด) แต่ถึงเวลาเราก็กลับไปรักเหมือนเดิม
ถาม เจ็บกับความรักมาเยอะ จนมาเจอรักแท้ คือ คุณบอยถึงตัวจะไม่ได้มารายการ Club Friday Show แต่เราก็ได้VDO Call เพื่อได้คุยกัน สวัสดีคุณบอย
บอย : สวัสดีครับ
ถาม ได้คุยกับ ชมพู่ เมื่อกี้ แต่ต้องถามว่า คุณบอย รู้สึกยังไงบ้างที่ภรรยาของเราเอาของเราไปทิ้ง
บอย : ปกติถ้าเขาหยุดอยู่บ้านเขาจะพักผ่อน แต่วันดีคืนดีอยู่ๆก็ลุกขึ้นมาทำแบบเราก็ตกใจคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่ากลับกลายเป็นแจ๋วประจำบ้านไปเลยครับตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ทะเลาะ หรือ โกรธอะไรกับเขาเรื่องนี้เลยครับ ก็บางทีก็หาของไม่เจอครับพอรู้อีกทีเหมือนเขาทิ้งไปแล้วครับ
ถาม คุณภรรยาขี้บ่นไหม
บอย : อ๋อ .. ใช่ครับหลังๆตั้งแต่แต่งงานกันมาเนี่ย !!เริ่มจะบ่นเยอะทุกเรื่องเลยครับ ตั้งแต่ตอนเป็นแฟนกันเนี่ย ชมพู่ไม่เคยบ่นอะไรเลยครับ ก็อยู่ด้วยกันแบบสนุกสนานเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันคบกับสบายมากๆ แต่ตั้งแต่พอแต่งงานกันทุกอย่างที่เราทำกลับกลายเป็นว่าเขาบ่นทุกเรื่องเลยครับ
ชมพู่ ก่อนบ่าย : อยู่บ้านไม่เคยพูดเลยนะเรา (หัวเราะ) อยู่ในโทรศัพท์เก่งจังเลยนะเรา
ถาม เห็นว่ามีเหตุการณ์หนึ่งเรื่องไปซื้อของเข้าบ้านแล้วเราจะต้องสลับช่วยกันเลือกใช่ไหม แล้วทำไม คุณบอย ได้เลือกอย่างเดียวเลยคือ ที่ฉีดก้น
บอย : อ๋อ… ใช่ๆครับ คือวันนั้นลงไปเดินซื้อของกันใช่ไหมครับ คือส่วนตัวเองผมเป็นคนประหยัดก็พยายามบอกให้เขาเลือกในสิ่งที่จากยี่ห้อแพงๆ ให้ลดเกรดลงมาหน่อยหรือว่าจากตัวท็อปลงมาหน่อยเพื่อเราจะได้ประหยัดเงินแล้วไปลงในเรื่องอื่น สุดท้ายเขาก็เดินไปชี้แบบ.. เอาตัวนี้ๆผมก็แบบแล้วพาผมมาทำอะไรให้มาเดินด้วยเหรอ เราไม่มีสิทธิ์เลือกเลยเหรอ พอเลือกทุกอย่างจบเขาก็พอว่าโอเคเนี่ยๆบี๋ๆไปเลือกที่ฉีดก้น ผมก็บอกว่าอ้าว .. สรุปบ้านนี้คือ ผมมีสิทธิ์ได้แค่สายฉีดก้นเหรอ ถามว่าเราซีเรียสไหมก็ในมุมนั้นก็ซีเรียสบ้างนะครับ เพราะเราคิดว่าเอ๊ะ !! ทำไมไม่เชื่อเราบ้างอย่าไปสิ้นเปลืองเรื่องที่มันไม่จำเป็นดีกว่าครับ
ชมพู่ ก่อนบ่าย : บ้านนะมันต้องเลือกของที่ดีที่สุดที่รัก
ถาม เห็นว่าเคยทะเลาะกันเรื่องปาร์ตี้จนเกือบจะเลิกกัน
บอย : ใช่ครับใช่ ก่อนแต่งงานเราจะแบบว่าคือผมเป็นห่วงสุขภาพเขาไงครับ เพราะว่าเวลาเขาปาร์ตี้หนักๆอย่างนี้ผมนึกว่าอุ้มคนตาย 2-3 รอบแล้ว ก็เลยอยากให้เขาดูแลตัวเองด้วยมันก็กดดันตัวเราเองด้วยทำไมเราถึงห้ามเขาไม่ได้ทำไมเราถึงพาเขาไปในทางที่ดีไม่ได้ก็เคยทะเลาะกันแรงๆจนแบบว่าถ้าอยู่แบบนี้แล้วมันอึดอัดเขาก็ยังอวดใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ แต่ว่าหลังจากที่มีลูกก็.. ชมพูก็เปลี่ยนไปทุกอย่างเลยครับ ก็ดีครับ
ถาม ณ วันนี้ กำลังจะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้วรู้สึกยังไงกับคุณภรรยาบ้างที่ยังคงทำงานหนักหน่วงมาก
บอย : ก็เป็นห่วงนะครับ ให้ดูแลสุขภาพแล้วอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกว่าเวลาที่ตัวเองไม่ได้รับความรักแบบนี้ลองให้หันมามองดูบ้างว่าคนข้างหลังพยายามส่งความรักให้อยู่เสมอ ไม่ว่าเป็นตัวเขา แล้วก็พ่อแม่ คนรอบข้างแต่บางทีหนูคิดว่าหนูไม่ได้รับมันอยู่ที่ความเชื่อของตัวเองมากกว่านะก็เป็นห่วงและรักเสมอคอยดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็เหมือนเดิมทุกอย่างนะ
ชมพู่ ก่อนบ่าย : รักแค่ไหนคะ รักหนูแค่ไหนคะ
บอย : เท่าฟ้าเจ็ดอันจ๊ะ
ชมพู่ ก่อนบ่าย : เป็นคำที่เขาพูดกับหนูตอนที่คบกันใหม่ๆเลยค่ะ
ถาม ผ่านเรื่องราวความรักมาเยอะขนาดนี้ ได้บทเรียนมาเยอะมาก วันนี้คิดว่ามุมมองความรักของตัวเองเป็นยังไงบ้าง
ชมพู่ ก่อนบ่าย : มุมมองความรักในปัจจุบันของเราก็คือการเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อนเริ่มจาก เพราะบางทีเราฟุ้งซ่านเรามัวแต่ฟูมฟายไป ไม่เห็นความมีค่าของตัวเองเนี่ยคนอื่นเขาก็จะไม่ได้เห็นค่าตามเราเหมือนกัน แต่ถ้าวันนึงเรากลับมามีสตินะคะ รักตัวเองให้เป็น รักครอบครัวให้เป็น เริ่มต้นวิธีคิดที่แบบว่าไม่คาดหวัง ไม่ต้องแบกความทุกข์เอาไว้เยอะๆค่ะ แล้วมองโลกในแง่บวกให้มากๆ มันก็จะสอดคล้องแล้วเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ
ถาม ในความเป็นคุณแม่ของน้องธารา แล้วน้องธารา ฟังอยู่ตรงนี้แล้วได้ดูคุณแม่อยู่คุณแม่อยากจะบอกอะไรกับลูกต่อให้เราบอกว่าความรักไม่ต้องคาดหวังแต่เราก็หวังดี อยากจะบอกอะไรกับลูกบ้าง
ชมพู่ ก่อนบ่าย : บอกว่าขอบคุณมากที่..เขาเกิดมาเป็นลูกค่ะขอบคุณที่เขามาในจังหวะที่ดีมากที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นคุณแม่คนได้แล้วก็มีวิธีคิดที่เปลี่ยนไปแล้วก็การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปมากๆแล้วก็จะบอกว่ากับลูกก็จะใช้หลักการเดียวกัน ก็คือจะไม่คาดหวังจะไม่บังคับหรือจะไม่ตีกรอบให้เขาเป็นอะไรเลย เขามีความสุขเราก็ดีใจ แล้วก็จะดูแลเลี้ยงเขาในฝั่งเราให้ดีที่สุด แต่วันนึงที่เขาตัดสินใจหรือว่าอยากจะเป็นอะไรอยากทำอะไร เราก็จะปล่อยอิสระเขาในการใช้ชีวิตมากๆ แล้วเราก็จะดูอยู่ห่างๆแบบมีรอยยิ้มแล้วก็ภูมิใจในความสุขของเขาค่ะ
ถาม จากคนที่พูดได้ว่าวันหนึ่งวิ่งไล่ตามหาความรักเรียกว่าไขว่คว้าเลย รวมถึงวิ่งไล่ความไขว่คว้าหาความสุข ในหลากหลายรูปแบบผิดถูกไม่รู้ แต่ว่า ณ วันนี้เราผ่านพ้น รูปแบบของการไขว่คว้าหาความรัก ซึ่งเคยเป็นคนติดปาร์ตี้ติดเพื่อนหนักมากแล้วหลายคนอาจจะยังเป็นแบบนั้นอยู่และหลายคนอาจจะเป็นเหมือนเราในวันนั้นที่พูดอย่างไรก็ไม่ได้ยิน พูดอย่างไรก็ไม่ฟังทั้งๆที่มีคนส่งสัญญาณมาที่เราเยอะแยะเลยลองส่งสัญญาณถึงคนเหล่านั้นในวันนี้อีกสักทีในฐานะที่เคยเป็นคนแบบนั้นมาก่อน
ชมพู่ ก่อนบ่าย : อยากบอกกับทุกคนที่มีความรักอยู่นะคะความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและมีค่ามากๆแต่อยู่ที่สติในการใช้มันของเราด้วยนะคะ ชมพู่เคยเป็นคนหนึ่งที่หลายคนบอกเหตุผลต่างๆนานามันเป็นข้อมูลที่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ แต่พอเราเชื่อใจตัวเองเราก็จะไม่รับฟังอะไรรอบข้างเลย แต่ว่าวันนี้อยากให้ทุกคนนะคะ มีสติมากๆถามใจตัวเองดูว่าสิ่งที่คุณอยู่ด้วยปัจจุบันเนี่ย สร้างความสุข หรือสร้างความทุกข์มากกว่าบางคนรู้ว่าทุกข์ก็กดดันอยู่แล้วไม่มีความสุขแต่ก็พยายามฝืน พยายามยื้อ พยายามจะรั้งเอาไว้ซึ่งมันไม่มีอะไรดีในบั้นปลายแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดว่ารู้ใจตัวเองแล้วพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแล้วอย่างลืมถ้ารักตัวเองปุ๊บ!! ก็จะมองเห็นหนทางแห่งความสุขง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news