“Do you ever think dogs look like their owners?”
– Horace
คำเตือน : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์
Cruella หนัง live action เรื่องล่าสุดจาก Disney ที่เล่าถึงความเป็นมาของ Cruella Devil ดีไซน์เนอร์จอมบงการที่ยอมถวายทุกอย่างเพื่อความสวยงามบนรันเวย์ การปรากฎตัวครั้งแรกในฐานะตัวร้ายบนการ์ตูนยาวอย่าง 101 Dalmatians ในปี 1961 ทำให้เข้าใจถึงนิสัยและจุดจบของความร้ายกาจของเธอ
60 ปี ให้หลัง ครูเอลล่ากลับมาอีกครั้งเพื่อเปิดเผยอดีตช่วงวัยสาวที่ชีวิตไม่ได้เริ่มต้นด้วยความเกลียดชังสุนัขอย่างในปัจจุบัน บรรยากาศที่ย้อนไปในยุค 70s’ สมัยที่ยังใช้ชื่อว่า เอสเตลล่า สาวมุ่งมั่งที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นขโมยพร้อมพรรคพวกอย่าง ฮอเรส, แจสเปอร์ กับหมาอีก 2 ตัว บัดดี้ และ วิงค์ รสนิยมทางด้านเสื้อผ้าของเอสเตลล่าฉายแววดึงดูดเจ้าแม่แฟชั่นอย่าง บารอนเนส การทำงานระหว่างเอสเตลล่าและบารอนเนสจอมเหี้ยมโหดทำให้เฉลยปมในอดีตหลายๆอย่างที่ทำให้ เอสเตลล่า พลิกบทบาทกลายเป็น ครูเอลล่า เดอ วิล ผู้แสนชั่วร้ายขึ้นมา
Cruella ฉบับนี้พยายามถ่ายทอดให้คนดูเห็นถึงวิถีชีวิต การห้ำหั่นระหว่างกันของตัวละครทั้งสองฝั่งโดยมีหมาๆเป็นตัวสะท้อนพฤติกรรมเจ้าของแต่ละคนผ่านการเลี้ยงดู ทั้งครูเอลล่า(เอสเตลล่า) และ บารอนเนส
เอสเตลล่าในความคิดของบัดดี้
ในช่วงวัยเด็ก การถูกกลั่นแกล้งเพราะสีผมของเอสเตลล่าทำให้ได้พบกับ บัดดี้ หมาพันธุ์ทางในถังขยะของโรงเรียน หลังจากเหตุการณ์ที่แม่ของเอสเตลล่าเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุจนเป็นปมฝังใจมาตลอด เอสเตลล่าปกปิดตัวตนเดิมด้วยผมสีแดงที่ย้อมขึ้นมาใหม่ กลายเป็นสาวที่สงบเสงี่ยม อดทน และให้ความสำคัญกับพวกพ้องไม่ว่าคนหรือหมา แม้จะต้องเอาตัวรอดด้วยการเป็นขโมยก็ตามแต่การอยู่ด้วยกันก็ทำให้เธอมีความสุขจากความรักที่ได้มา
ความเป็นเอสเตลล่าที่แสนดีนี้ สะท้อนออกมาผ่านท่าทีของบัดดี้เพื่อนซี้คนแรกที่อยู่ร่วมกับเธอตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ด้วยการเป็นหมาที่ซื่อสัตย์และแสนดีในทุกช่วงเวลาของเธอ เราจะเห็นฉากสำคัญหลายฉากที่เอสเตลล่าได้ปลดปล่อยความสุข เสียงหัวเราะ รวมถึงหยาดน้ำตา โดยมีบัดดี้ร่วมเคียงข้างตลอดเวลา
บารอนเนสกับดัลเมเชี่ยน 3 ตัว
บารอนเนส เจ้าแม่ดีไซเนอร์ชื่อดังจอมบงการที่ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวท่ามกลางลูกน้อยที่รายล้อม งานกาล่าสุดหรูหราที่เธอคิดคอนเสปเอง จัดการเองเพื่อตัวเธอเอง หมาพันธุ์ดัลเมเชี่ยน 3 ตัว ที่ถูกล่ามด้วยสายคล้องสีขาวดำตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจที่ครอบครอง รวมถึงนกหวีดที่มีแต่สุนัขจะได้ยินและทำตามคำสั่งอย่างที่เคยฝึกฝน เป็นหลักฐานชั้นดีที่คนชั้นสูงอย่างบารอนเนสไม่จำเป็นต้องมีพันธมิตรหรือความรักกับใคร แม้กระทั่งฉากสุดท้ายของตอน
จึงไม่แปลกใจที่ดัลเมชี่ยนทั้ง 3 ของบารอนเนส ไม่มีแม้กระทั่งชื่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง กลับพบแต่ความดุร้ายและเขี้ยวขาวที่พร้อมจะเผยให้เห็นตามความต้องการของคนที่มันมองว่าเป็นเจ้านาย โดยที่เราก็คงเข้าใจดีว่าพวกมันมีตัวตนอยู่ในตำแหน่งเครื่องแสดงฐานะของเจ้าของเพียงแค่เท่านั้น
“I’ve had enough of being treated like a dog.”
– Jasper
ด้วยความต้องการแก้แค้นและทวงสิ่งที่เธอควรได้รับ เอสเตลล่า ยอมให้ความชั่วร้ายครอบงำจิตใจของเธอและเผยตัวตนใหม่อย่าง ครูเอลเล่า เดอวิล ทำให้บุคลิกของเธอเปลี่ยนจากขาวเป็นดำเหมือนสีผมทั้ง 2 ฝั่งของตัวเธอเอง จากเพื่อนสุดที่รักกลายมาเป็นเครื่องมือเพื่อหักหน้าบารอนเนส และชิงความยิ่งใหญ่ เป็นจุดสำคัญที่เราพบว่าหมาและมิตรภาพอาจไม่ใช่สิ่งที่ ครูเอลล่า ต้องการอีกต่อไป แม้จุดจบในตอนท้ายเรื่อง ครั้งนี้จะเป็นบารอนเนสที่ชิงรับไปเสียก่อน แต่เราก็ทราบดีว่าชะตากรรมของดีไซเนอร์ผู้พิสมัยในขนสัตว์นี้จะลงเอยเช่นไร
Cruella นอกจากจะเฉลยถึงเบ้าหลอมที่ทำให้เอสเตลล่ากลายเป็นครูเอลล่าในปัจจุบัน ยังถ่ายทอดความรู้สึกของน้องหมาแต่ละหลังผ่านการปะทะกันของ คนที่มองหมาเป็นครอบครัว กับ คนที่มองหมาเป็นเหมือนอุปกรณ์ และนั่นก็กลายเป็นคำถามสำคัญที่ย้อนเข้ามาชนหัวของเราเองว่าเราจะมอบความรักและการเอาใจใส่แก่เจ้าปุกปุยที่บ้านด้วยวิธีไหนถึงจะเป็นทางที่ดีที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news