รักแท้ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ ! เกลือ กิตติ เผยช่างโชคดีที่ได้ มิ้นต์ มาเป็นคู่ชีวิต พร้อมเล่าถึงจุดกำเนิดของความรัก
เมื่อพิธีกรคนเก่ง เกลือ กิตติ ควงภรรยาสุดแสนน่ารัก มิ้นต์ เมธยา มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เล่าชีวิตรักที่เคยอกหักเพราะคนคนเดียวถึง 3 ครั้ง พร้อมเผยชีวิตนี้ของตัวเองช่างโชคดีที่ได้ภรรยาคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบ
ถาม มีผู้หญิงบางคนในชีวิตที่เข้ามาทำให้อกหักคนเดียวถึง 3 ครั้ง
เกลือ กิตติ : ใช่ครับ เคยเอาไปเขียนใน เป็นต่อ ด้วยนะครับ เพราะเป็นความรักที่ฝังใจมากเลยผู้หญิงคนหนึ่งอกหักผมถึง 3 ครั้ง เจอกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยสวยมากแล้วเราก็เป็นแฟนกันก็โอเคมาก บ้านก็มีฐานะ ทำไมเขาถึงตัดสินใจมาอยู่หอกับเราเลยนะตอนนั้นคือ รักมากอยู่กันไปสักพักแม่เขาเริ่มไม่พอใจก็เริ่มมารับกลับ เราก็เห็นเลยว่าสีหน้าแม่ไม่น่าจะรักเรานะครับ (หัวเราะ) หลังจากนั้นเขาก็กลับไปแล้วเขาก็ให้เหตุผลกับเราว่าเราคบกันไม่ได้เรามั่นใจเลยว่าคงเป็นเรื่องของสถานะ เพราะเราพูดได้ตรงๆเลยว่าเราไม่มีเงินเลยในตอนนั้น แต่ก็เป็นข้อดีนะครับ เพราะว่าการอกหักในครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าผมจะต้องมีฐานะ ผมจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้ และผมจะต้องตั้งใจทำยังไงก็ได้ให้ผมมีฐานะให้เขาหันกลับมามองเราให้ได้
ถาม สุดท้ายเขาก็เลิกกับเรา
เกลือ กิตติ : เขาก็เลิกกันเราไปครับ ครั้งนั้นแล้วเราก็มาทำงานเป็นทีมงานเบื้องหลังแล้วเขาก็กลับมาอีกครั้ง ข่วงนั้นมีความหวังมาก เราจะต้องมีรถซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมีรถเต๋าเก่าๆเดี๋ยวเราจะขับรถไปส่งเขาสนามบินเพราะเขาจะต้องบินกลับไปที่บ้าน แต่รถเต๋า ของเราขับรถมาถึงกลางทางมันดับ ขับไปสักพักแอร์ดับ มันเลยตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าอย่าอยู่กับคนนี้เลยมันไม่มีอนาคต
ถาม แสดงว่าก่อนที่เขาจะวนกลับมาเราก็ไม่ได้มีใคร ??
เกลือ กิตติ : ก็มีบางครับ ตอนนั้นรู้สึกว่ามีแฟนอยู่คนหนึ่งด้วยแล้วพอเขากลับมาผมไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เขามาคุยกับผมผมรู้เลยว่าผมยังรักเขาอยู่ผมกลับไปบอกผู้หญิงคนนั้นเลยว่าเราไปต่อกันไม่ได้จริงๆเพราะผมยังรักผู้หญิงคนนี้อยู่ แต่หลังจากที่รถพังเขาก็ตายไปกับรถเลยครับ นั่นคือ การอกหักครั้งที่สองไม่ได้ติดต่อเลย โทรไปก็ไม่รับ พอรับน้ำเสียงก็ตึงๆมีอะไร ?? อกหักอีกแล้วเราอกหักกับเขาถึงสองครั้ง เจ็บไม่รู้จักจำ พอครั้งที่สามเราเริ่มมีชื่อเสียงเป็น ไอ้วอก เป็นต่อแล้วกลับมาครั้งนี้ก็เหมือนว่าได้โตขึ้นแล้ว ได้มาเจอกันโดยบังเอิญเพื่อนผมไปเจอแล้วเขาก็ยังคิดถึงเราอยู่นะก็เลยเอาเบอร์มาให้เราแล้วก็ได้คุยกัน ก็คุยกันเหมือนจะถูกคออยู่เหมือนเดิม จนตอนนั้นเรียกว่าที่รักแล้วมีอยู่คืนหนึ่งผมโทรหาแล้วเขาก็โทรกลับมาผมรับแล้วกลายเป็นเสียงผู้ชาย แล้วเขาก็บอกว่า ผมกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ทำไมคุณโทรมาคุยกับแฟนผมบ่อยจัง ผมก็อึ้งไปเลยแล้วที่ผ่านมาคืออะไร ผมก็ขอโทษเขาว่าผมไม่รู้เรื่อง พอวางสายสักพักเขาโทรกลับมาเขาก็ร้องไห้แล้วบอกเราว่าเขากำลังจะแต่งงานจริงๆแต่เขามาเจอเราทำให้เขารู้ว่าก็ยังรักเราอยู่นะ แต่เขาก็ยังต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เพราะเขาก็เลือกแล้วเหมือนกันเหมือนเราเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักให้กับเขาครับ ผมก็เสียสติ
ถาม แล้วทั้งคู่มาเจอกันได้ยังไงเอ่ย ???
เกลือ กิตติ : ผมคิดว่าเขาป้ายน้ำมันพรายใส่ผมนะ ตอนนั้น
มิ้นต์ เมธยา : ไม่จริงเลยค่ะ เพราะว่าตอนนั้น มิ้นต์ มีแฟนอยู่ แล้วแบบรุ่นพี่ชวนรุ่นน้องไปเที่ยวเราก็ไปแล้วก็ไปเจอ พี่เกลือ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีอะไร
เกลือ กิตติ : แล้วเราก็ได้เจอเขาอีกหนึ่ง เขากลับมาปรึกษาเรื่องความรักครับ เพราะเขาเริ่มระหองระแหงกับแฟนเสร็จโจรเลยสิครับ ปรึกษาได้ถูกนะครับ ผมก็เลยบอกเขาว่าความรักนะน้องถ้าเกิดเขาไม่เห็นค่าของเราก็เดินออกมาเถอะ เชื่อเถอะว่าถ้าคุณออกมานะมีคนดีๆรอคุณอยู่ (หัวเราะ)
ถาม มิ้นต์ รู้ไหมว่าเขาคิดอะไรอยู่ ??
มิ้นต์ เมธยา : คือเราเห็นเขาเป็นพี่ค่ะ ตอนแรก
เกลือ กิตติ : คือ มิ้นต์ เขาเป็นน้องตลอดมาแล้วผมก็จะสอนทุกอย่างของความชั่วที่ผู้ชายทำสุดท้ายไม่คิดเลยว่าคำสอนจะกลับมารัดตัวของผมเพราะ มิ้นต์ เขาก็จะรู้หมดทุกอย่าง ผมก็เลยฝากบอกเพื่อน มิ้นต์ ว่าบอก มิ้นต์ ด้วยว่าอย่ากลับมาถ้ากลับมาผมจะจีบ
มิ้นต์ เมธยา : แต่เพื่อนก็ไม่ได้บอกข้อความที่ พี่เกลือ บอกไปนะคะ
ถาม แล้วมันเป็นโมเมนต์ไหนเอ่ยที่รู้สึกว่าไม่ได้แล้วจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ใช่แล้ว
เกลือ กิตติ : คือ เขากลับมาอีกครั้งหนึ่งเราไปเที่ยวกันเริ่มใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ซึ่งผมแสดงออกแล้วว่าผมใส่ใจเขามากขึ้น (ซึ่งตอนนั้น มิ้นต์ คือเลิกกับแฟนแล้ว) แล้วผมก็โทรคุยกับเขาทุกวัน ซึ่งผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้วก็ได้คุยกับเขาพอดีช่วงที่เขาตื่นก่อนที่เขาออกไปทำงานทุกวัน ก็วัดเหมือนกันนะว่าถ้าคุยแล้ววันหนึ่งมันเบื่อมันก็จะหายไปเอง แต่ปรากฏว่ามันไม่เบื่อ
ถาม ซึ่ง มิ้นต์ ก็ไม่ได้มีแพลนอยากจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทย
มิ้นต์ เมธยา : จริงๆอยากกลับมาค่ะ แต่มันก็ยังไม่ได้มีแรงจูงใจจนถึงกับขนาดต้องกลับเดียวนี้นะ
เกลือ กิตติ : แต่เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวคือผมไม่เคยรู้สึกอยากจะใช้ชีวิตร่วมอยู่กับใคร แหม๊ !! กระทั่งที่ผ่านมาทั้งหมดนะครับ ความรู้สึกนี้มันไม่เคยรุนแรงขนาดว่าเราอยู่ไม่ได้แล้วถ้าไม่มีเขาผมก็เลยบอก มิ้นต์ ว่ากลับมาอยู่เมืองไทยไหม เรากลับมาแต่งงานกัน ซึ่งเป็นการขอแต่งงานทางโทรศัพท์แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรนะครับ
มิ้นต์ เมธยา : เราก็ขำๆคือ ยังรู้สึกแบบพูดเล่นหรือเปล่าเพราะเราก็อยู่กันไกลแล้วเราก็เพิ่งคุยกันได้ไม่นาน
เกลือ กิตติ : แล้ว มิ้นต์ ก็เลยตัดสินใจว่าจะกลับมา
มิ้นต์ เมธยา : เพราะว่าเราอยากได้งานที่นี่
เกลือ กิตติ : เราก็จะได้มีเวลาให้กันมากขึ้น
ถาม พี่เกลือ ของ น้องมิ้นต์ มีครอบครัวและมีลุกชายยังไงก็ตามก็น่าจะผ่านการอนุมัติจากลูกชายก่อน
เกลือ กิตติ : สายฟ้า มาอยู่กับผม เสาร์ – อาทิตย์ มิ้นต์ เองตอนมาอยู่เมืองไทยก็มาอยู่ด้วยกันพอ สายฟ้า มา เสาร์ – อาทิตย์ มิ้นต์ ต้องย้ายออก แต่เสาร์ – อาทิตย์ นั่น มิ้นต์ ต้องอยู่กับ สายฟ้า ทั้งเสาร์ อาทิตย์ สายฟ้า เขาก็เริ่มที่จะสนิทสนมกับ มิ้นต์ เขารู้สึกว่า อามิ้นต์ รักเราเลยบอกว่าคืนนี้ไม่ต้องกลับให้นอนด้วยกัน ปกติสายฟ้า ก็เตรียมจะนอนแล้ว อามิ้นต์ ต้องกลับแต่วันนั้น มิ้นต์ ใส่ชุดนอนอามิ้นต์ นอนบนเตียง พ่อ นอนบนเตียง
มิ้นต์ เมธยา : เขาก็จะเริ่มมีอาการแล้วก็บอกว่าอยากนอนแค่กับพ่อสองคนทำไม อามิ้นต์ ไม่กลับบ้าน คือ เด็กแค่สามขวบเขาก็สงสัย
เกลือ กิตติ : เราก็แกล้งบอกเขาว่า อามิ้นต์ ไม่มีบ้านอยู่อยากให้ อามิ้นต์ เล่นด้วยไหมต้องให้ อามิ้นต์ นอนด้วยได้ไหม เขาก็บอกว่า ก็ได้ๆแต่ อามิ้นต์ ต้องไปนอนข้างล่างก่อนนะ แล้วให้ สายฟ้า นอนกับพ่อก่อนข้างบน ก็ค่อยๆปรับตัวกันไปครับ คร่าวนี้ มิ้นต์ เขาก็จะใช้เวลาอยู่กับ สายฟ้า มากกว่าผมอีกก็เลยสนิทกันไป
ถาม วิธีการเลี้ยงลูกของทั้งคู่ก็ต่างกันมาก ??
เกลือ กิตติ : ของผม ผมเป็นคนเลี้ยงลูกด้วยความดุมาก เพราะว่าเราเคยโดนดุมาก่อนใช่เพราะผมรู้สึกว่า เวลาพ่อแม่พูดลูกต้องเชื่อฟัง ลูกทำไม่ดีพ่อจะทำโทษนั่นก็คือการตี แต่ภรรยาของผมคือไม่ตีหัวเด็จตีนขาดยังไงก็ไม่ตี
มิ้นต์ เมธยา : คือ มิ้นต์ จะมีขอบเขตของ มิ้นต์ ว่าอันนี้ตี อันนี้เนี่ยไม่จำเป็นต้องตีพูดได้หรือให้เขาได้บทเรียนอย่างอื่นได้ แต่อย่างพี่เกลือ อย่างนี้หยุดคือหยุดต้องหยุดเดี๋ยวนั้น ซึ่งสำหรับ มิ้นต์ บางอย่างโอเคถ้ามันเป็นเรื่องอันตรายมาก คือ แบบลูกต้องหยุดแล้วนะถือกรรไกรวิ่งมาอย่างนี้โอเคหยุดมันคือต้องหยุด แต่ว่าบางเรื่องอย่างนี้ มันจะมีข้อจำกัดที่มิ้นต์ ก็จะมีเชตของ มิ้นต์
ถาม เคยถึงขั้นมีปัญหาระหว่างกันไหม ???
เกลือ กิตติ : มีค่ะ ทะเลาะกันร้องไห้
ถาม เขาเป็น คุณพ่อ ที่ขี้โมโหไหม
เกลือ กิตติ : หงุดหงิด !!
มิ้นต์ เมธยา : ลูกทำอะไรนิดหนึ่งให้หงุดหงิดนี่คือ อื้อฮือ !!! ขึ้นง่ายมาก
ถาม ถอยออกมามองตัวเองเราคิดว่าเร็วเกินเหตุไหม
เกลือ กิตติ : มีบางครั้งก็รู้สึกว่าเราเร็วเกินไปแต่ว่าเราเป็นคนขี้โมโห แต่ไม่ได้หมายความว่าจะจบลงด้วยการตีทุกครั้ง
มิ้นต์ เมธยา : ไม่แต่เราเข้าใจนะ บางทีทำงานข้างนอกมาเหนื่อยๆกลับมาบ้านแบบนี้ บางทีเจอรูปที่แบบว่าซนมาก หรือ แบบกำลังดื้อ กำลังแบบต้องจัดการเลยเรากำลังแบบอยู่ในกระบวนการหรืออยู่กับลูกมาทั้งวันแล้ว แต่เชามาถึงเขาเจอลูกในแบบกำลังพีก
เกลือ กิตติ : ช่วงพีกของเด็กผู้ชายสองคน
มิ้นต์ เมธยา : เขาก็จะแบบ..อาจจะโอเคเดือดบ้างอะไรบ้าง
ถาม ซึ่งมีบางครั้งเหมือนกันในเรื่องแนวทางในการเลี้ยงลูก ทำให้ มิ้นต์ ต้องหนีไปร้องไห้
มิ้นต์ เมธยา : มีค่ะ มันเยอะมาก อย่างเวลาเด็กง่วงเขาจะไม่มีเหตุผล เราก็พยายามจะให้ลูกสงบเนอะ แต่อย่างพี่เกลือ อย่างนี้บอกว่าจัดการลูกสิอย่างปล่อยให้ลูกโวยวายอย่างนี้ หรือ กรี๊ดหรืออะไรอย่างนี้เสียงดัง ซึ่งเราก็เฮ้ย .. เราพยายามจัดการอยู่ก็จะมีบ้างที่แบบ พี่เกลือ บอกว่าไม่เป็นไรอะไรจัดการเองแล้ว พี่เกลือ ก็อุ้มลูกไปเราก็ปล่อยแล้วให้เขาไปจัดการในวิธีของเขาเราก็แอบไปร้องไห้คนเดียว ตอนนั้นมันเป็นโมเมนต์ที่แบบ เออ.. ให้เขาจัดการแล้วกันถ้าเขาอยากจะจัดการลูกเองเราก็แค่แบบเศร้าแอบไปร้องไห้
เกลือ กิตติ : ผมเชื่อว่าแต่ละครอบครัวมีวิธีดีลในความหลากหลายไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้ถ้ามีไม่ตีก็คือ มิ้นต์ ก็มีวิธีดีลที่ทำให้ลูกเชื่อ ก็มีขับรถไปด้วยกันและร้อง ปรามไม่ฟัง ห้ามไม่ฟัง ถ้าไม่ฟังจะให้ รามต์ ลงจากรถนะ เราก็จอดรถ อุ้มลูกลงรถ
มิ้นต์ เมธยา : มิ้นต์ ก็อุ้มลูกลงไปจัดการข้างทาง
เกลือ กิตติ : รามต์ ก็จะรู้สึกว่าพ่อพูดจริงเขาจะเริ่มโอเค เข้าใจแล้วหลังจากนั้นเขาก็จะเข้ามารถด้วยความสงบ
ถาม ดูในรายการเป็นพาร์ตเฮฮา !! แต่พอเป็นคุณพ่อเข้มมากเลย
เกลือ กิตติ : เข้มมากครับ เพราะว่าเราเคยเป็นลูกที่แสบมาก่อน
ถาม มีบางโมเมนต์ไหม ?? ที่รู้สึกว่าเหมือนลูกเองจะรู้สึกว่าแม่ใจดีเข้าใกล้แม่มากกว่าพ่อ
เกลือ กิตติ : มีครับ บางทีมันก็เป็นเรื่องสะเทือนใจของพ่อนะครับที่ลูกวิ่งไปกอดแม่เราบอกว่าไม่เอาพ่อ มีอยู่แล้วแต่ว่าไม่เป็นอะไรครับ เพราะมันต้องมีใครสักคนที่เป็นนางฟ้าและมีใครสักคนที่เป็นปีศาจ
ถาม ครั้งหนึ่งที่เราเคยโดนคุณแม่ดุจนน้อยใจจนจะผูกคอตายไม่กลัวบ้างเหรอเราดุลูกมากๆเราลูกจะน้อยใจ
เกลือ กิตติ : ไม่ครับเพราะว่าทุกวันนี้ผมขอบคุณทุกคำดุของแม่ ผมขอบคุณ ผมรักแม่มาก แม่คือผู้หญิงที่สุดในชีวิตของผมแล้ว คือทุกคำดุของแม่ ทุกความเข้มงวดของแม่ มันส่งผลทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้
ถาม แต่กว่าเราจะรู้คือวันนี้ไง แต่ถ้าย้อนกลับไปวันนั้นเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นวันนี้ลูกก็ไม่รู้
เกลือ กิตติ : ใช่ครับ ก็ต้องทำให้เขาเข้าใจด้วยเหมือนกันว่าทำไม แต่ช่วงระหว่างนั้นตอนนั้น ที่น้อยใจมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆที่แบบว่าเกิดขึ้น ซึ่งระหว่างทางเรารู้อยู่แล้วกับแม่เราเรามีความผูกพันกัน สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามจะแก้ไขชีวิตตัวเองในวัยเด็กกับลูกมากๆคือตอนเด็กผมไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับพ่อ จำได้อยู่ครั้งเดียวว่าพ่อพาไปเที่ยวงาน เหมือนงานประจำปีของจังหวัดแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ผมประทับใจมาก ผมได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ แล้วเรารู้สึกว่าทำไมเรามีเรื่องประทับใจที่เราได้อยู่กับพ่อตอนนั้นแค่ไม่กี่เรื่องเอง พอมีลูกผมเลยรู้สึกว่าผมจะต้องอยู่กับลูกตลอด คือหลังจากผมทำงานเสร็จทุกเวลาของผมก็คือผมก็จะอยู่กับเขา วันหนึ่งถ้าผมไม่อยู่ ถ้าเขานึกถึงผมเราจะมีช่วงเวลาที่เราจำกันได้แบบเยอะๆ
ถาม ในช่วงเวลาชีวิตวันหนึ่งโซซัดโซเซเมา สุขก็เหล้าเศร้าก็เหล้า ทุกข์ก็เหล้า จนกระทั่งเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถนำพาชีวิตให้กลายเป็นคนที่อยากจะมีครอบครัวอยากจะบอกอะไรกันบ้างเอ่ย
เกลือ กิตติ : แต่ก่อนคำว่าครอบครัวของผมคือผมกับแม่พี่น้องอยู่ด้วยกัน วันนี้ มิ้นต์ ทำให้ผมได้รู้สึกว่าครอบครัวเป็นอย่างไรเขาทำให้ผมรู้ว่าเราอยู่กันเป็นทีมเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นอย่างไร เขาเป็นคนที่ทำให้ เวลาผมเดือดดาลบ้าคลั่ง เขาจะเป็นเหมือนน้ำเย็นมาปลอบทำให้ผมกลับมาปกติได้ เขาก็คือที่สุดของชีวิตผมแล้ว (หอมแก้มภรรยาคุณมิ้นต์ )
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCmL7sBjm02WNURAOxGzq25w
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news